ศรีลังกาเปิดเผยการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดลตา ที่พบครั้งแรกในประเทศอินเดีย ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า อาจจะมีการระบาดใหญ่รอบที่ 3 ในอินเดียในเดือนตุลาคมนี้
ดร.จันทิมา จีวรรณดารา ผู้อำนวยการหน่วยงานด้านภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกัน และชีววิทยาของเซลล์ แห่งมหาวิทยาลัย ศรี จายาวารเดเนปุระ บอกกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ The Hindu ว่า เวลานี้ ศรีลังกากำลังต้องรับมือกับการระบาดหนักของไวรัสสายพันธุ์อัลฟาอยู่ และการพบไวรัสสายพันธุ์เดลตายิ่งทำให้สถานการณ์ในประเทศมีความเสี่ยงมากขึ้นเพราะการแจกจ่ายวัคซีนยังอยู่ในระดับต่ำ และคนส่วนใหญ่ที่ได้รับวัคซีนแล้วเพิ่งฉีดไปเพียงเข็มเดียวเท่านั้น
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ ระบุว่า จำนวนสะสมของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในศรีลังกานั้นอยู่ที่กว่า 233,000 ราย หรือกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรราว 22 ล้านคนในประเทศนี้
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ตัดสินใจให้ประชาชนรับวัคซีนมากกว่า 1 สูตร หลังเกิดการล่าช้าของการนำส่งวัคซีน ทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกจากแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) จะได้รับวัคซีนของไฟเซอร์ (Pfizer) ในเข็มที่สองแทน
ส่วนที่อินเดีย ทางการรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกกว่า 62,000 คน ในวันศุกร์ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 1,587 คนซึ่งเป็นตัวเลขรายวันที่ต่ำที่สุดในรอบ 60 วัน
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของอินเดียเชื่อว่า น่าจะมีการระบาดใหญ่รอบที่ 3 ในประเทศในเดือนตุลาคม ซึ่งนายแพทย์แรนดีพ กุเลเรีย ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์อินเดียเชื่อว่า จะเป็นสถานการณ์ “ที่จะควบคุมได้มากขึ้น” เมื่อเทียบกับการระบาดรอบก่อนๆ เนื่องจากมีประชากรได้รับวัคซีนบ้างแล้ว
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ เปิดเผยว่า จนถึงเวลานี้ มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วทั่วโลกราว 2,500 ล้านโดส ขณะที่ตัวเลขสะสมของผู้ติดเชื้อจากทั่วโลกนั้นอยู่ที่กว่า 177 ล้านคน