รัฐบาลสเปนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่กรุงมาดริดเมืองหลวงและปริมณฑล เมื่อวันศุกร์ ในการรับมือกับการระบาดของโควิด-19
นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชส แห่งสเปน เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นวาระเร่งด่วน ก่อนจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองหลวงของสเปนเมื่อวันศุกร์ ซึ่งขัดแย้งกับแนวทางของนายกเทศมนตรีกรุงมาดริดของสเปน ที่พยายามออกมาคัดค้านการล็อคดาวน์รอบใหม่ในเมืองหลวงแห่งนี้ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์
ด้านรัฐมนตรีสาธารณสุขสเปน ซัลวาดอร์ อิลญา กล่าวในวันเดียวกันว่า ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงมาดริดนี้ จะห้ามไม่ให้ชาวสเปนในกรุงมาดริดเดินทางออกนอกกรุงหากไม่มีเหตุผลจำเป็นเพียงพอ โดยมีผลบังคับใช้ทันทีในวันศุกร์และต่อเนื่องในระยะ 15 วันนี้ ขณะที่รัฐบาลสเปน สั่งเพิ่มกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงกว่า 7,000 นาย เพื่อตรวจตราเส้นทางเข้าออกในกรุงมาดริด ตลอดมาตรการล็อคดาวน์รอบใหม่นี้
มาตรการล็อคดาวน์บางส่วนในครั้งนี้ มีขึ้นในช่วงที่สเปนจะมีวันหยุดช่วงเทศกาลท้องถิ่นเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งมีรายงานว่าชาวสเปนเร่งเดินทางออกจากเมืองหลวง เพื่อไปท่องเที่ยวพักผ่อนนอกเมืองกัน ก่อนมาตรการล็อคดาวน์จะถูกประกาศใช้เมื่อวันศุกร์
อัตราการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ในระยะ 14 วันที่ผ่านมา อยู่ที่กว่า 560 ราย ต่อประชากร 100,000 คนในกรุงมาดริด ซึ่งมากกว่าอัตราเฉลี่ยทั่วสเปน ที่ 256 ราย ต่อประชากร 100,000 คน และมากกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศทั่วยุโรป
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ในแง่ผู้ติดเชื้อมากกว่า 36.7 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 1 ล้านคน ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์
อันดับ 1 ยังเป็นสหรัฐฯ ที่ติดเชื้อกว่า 7.6 ล้านคน เสียชีวิต 213,000 คน อินเดียเป็นอันดับสอง ติดเชื้อเกือบ 7 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 106,500 คน บราซิลมาเป็นอันดับ 3 ที่ยอดติดเชื้อทะลุ 5 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 149,000 คน