ประธานาธิบดี มูน แจ-อิน แห่งเกาหลีใต้ ตัดสินใจยกเลิกการเดินทางเยือนกรุงโตเกียวที่เดิมมีกำหนดในสัปดาห์นี้ เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดกับนายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูกะ หลังเจ้าหน้าที่การทูตญี่ปุ่นแสดงความเห็นสบประมาทผู้นำเกาหลีใต้
หนังสือพิมพ์ โยมิอุริ ของญี่ปุ่นรายงานว่า ผู้นำของทั้งสองประเทศมีกำหนดการเข้าประชุมร่วมกันในวันศุกร์นี้ ที่กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นวันเดียวกับการจัดพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่ปธน.มูน จะเข้าร่วมในฐานะแขกพิเศษด้วย
แต่ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เพิ่งออกประกาศว่า การเดินทางเยือนญี่ปุ่นดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้กล่าวว่า การประชุมที่มีกำหนดจัดขึ้นอาจมีปัญหา เนื่องจาก “เกิดอุปสรรค” ในการหารือขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการจัดรายละเอียดการเดินทาง ซึ่งรายงานข่าวระบุว่าน่าจะหมายถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่ผู้แทนระดับสูงประจำสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงโซล ที่สำนักข่าวยอนฮัพ ของเกาหลีใต้ระบุว่าคือ นายฮิโรฮิสะ โซมะ อัครราชทูตที่ปรึกษาของสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น
รายงานจากสื่อเกาหลีใต้ระบุว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นรายหนึ่ง อัครราชทูตที่ปรึกษา โซมะ กล่าวเปรียบเทียบความพยายามของ ปธน.มูนที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น เหมือนเป็นการแสวงหาความพึงพอใจทางเพศให้กับตนเอง
คำแถลงจากทำเนียบปธน.เกาหลีใต้ระบุว่า แม้ว่าการหารือระหว่างทั้งสองฝ่ายจะประสบความสำเร็จ “อย่างสูง” ในการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสองฝ่าย ความคืบหน้าทั้งหมด “ยังไม่มากเพียงพอ” ที่จะรับรองผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดของผู้นำทั้งสองประเทศได้ ตามรายงานของสื่อยอนฮัพ
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเริ่มมีความตึงเครียดรุนแรงขึ้นมาอีกครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเกาหลีใต้ยังผูกใจเจ็บต่อการที่ญี่ปุ่นเข้ารุกรานและยึดครองคาบสมุทรเกาหลีพร้อมแสดงความโหดเหี้ยมต่อประชาชนชาวเกาหลีในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1910-1945
ในช่วงเวลาดังกล่าว สตรีชาวเกาหลีถูกบังคับให้ทำงานบริการทางเพศเป็นนางบำเรอให้กับทหารญี่ปุ่น ขณะที่ชาวเกาหลีถูกบังคับใช้แรงงานในโรงงานต่างๆ ของญี่ปุ่นด้วย
ทั้งนี้ “หญิงบำเรอ” หลายรายที่รอดชีวิตมาได้จากช่วงเวลาดังกล่าวได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลในเกาหลีใต้เพื่อเรียกร้องขอการชดเชยจากญี่ปุ่น ที่มีคำตัดสินออกมาที่เป็นเชิงบวกบ้างแต่ไม่ทั้งหมด โดยทางฝ่ายญี่ปุ่นพยายามอ้างถึงการบรรลุข้อตกลงสนธิสัญญาปี ค.ศ. 1965 ที่ประกาศให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกลับคืนสู่สภาวะปกติ หลังญี่ปุ่นส่งมอบค่าชดเชยให้เป็นเงินจำนวน 800 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะมีการบรรลุข้อตกลงอีกฉบับเมื่อปี ค.ศ. 2015