ร.ร.สหรัฐฯ เสียงแตกเรื่องปรับตัวรับปีการศึกษาใหม่ท่ามกลางโควิด

Virus Outbreak Schools

หลังผ่านพ้นสถานการณ์การระบาดของโคโรนาไวรัสในปีที่แล้วมาได้ โรงเรียนบางแห่งในสหรัฐฯ มีการจัดวางระบบตัวบุคคลเพื่อรองรับหากเกิดความจำเป็น แต่บางแห่งกลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ แม้ในบางเขตการศึกษาที่พบการแพร่ระบาดอย่างหนักจากโควิดสายพันธุ์โอมิครอนจนเกิดความลำบากในการเรียนการสอน โดยบางแห่งมีความพยายามในการปรับตัวเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะรับมือในประเด็นนี้

ข้อมูลจากบริษัทวิจัยเอกชน Burbio ที่ทำการสำรวจ 5,000 โรงเรียนทั่วสหรัฐฯ ชี้ว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โรงเรียนในเทศมณฑล บัลติมอร์ เคาน์ตี้ จำนวน 159 แห่งไม่สามารถทำการเรียนในชั้นเรียนได้ แต่เจ้าหน้าที่ในเขตการศึกษานี้แสดงความเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงระเบียบการใด ๆ เช่น ชาร์ลส์ เฮิร์นดอน โฆษกของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ที่กล่าวว่า ทางโรงเรียนไม่คิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแผนงานการเรียนการสอน และหวังว่าจะไม่มีการหยุดชะงักที่มีนัยสำคัญ แม้ว่าจะมีการคาดการณ์เกี่ยวกับ จะมีคลื่นการแพร่ระบาดของโควิด -19 ในปีนี้และปีหน้าก็ตาม

แต่ปัญหาใหญ่ที่ผู้เกี่ยวข้องกังวลมากที่สุดก็คือ การขาดแคลนบุคลากรครู

แดน โดเมนเนช ผู้อำนวยการสมาคม AASA ซึ่งเป็นสมาคมผู้บริหารโรงเรียน กล่าวว่า “จำนวนบุคลากรเป็นเรื่องที่น่ากังวลยิ่ง โดยเฉพาะหากเกิดการระบาดของโควิด-19 จะทำให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่”

บริษัท Burbio ที่ทำการเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ชี้ว่า การแพร่ระบาดใหญ่ของโควิดในช่วงเดือนมกราคม ส่งผลให้ 114 โรงเรียนในเขตฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนียต้องทำการเรียนออนไลน์เฉลี่ยราว 8 วัน และเมื่อคำนวณรวมกันแล้ว จะเท่ากับยอดสะสมของการเรียนทางไกลถึง 920 วัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเขตการศึกษาอื่น ๆ ตามมาด้วยเขตการศึกษามอนต์กอเมอรี รัฐแมริแลนด์ ที่มียอดสะสมรวม 338 วัน

In this image made from video, an empty classroom is shown at David Ellis Academy in Detroit, Monday, Feb. 8, 2021. (AP Photo/Mike Householder File)

มาริสสา ออร์บาเนก โฆษกประจำเขตการศึกษาฟิลาเดลเฟีย เล่าถึงการรับมือปัญหาขาดแคลนบุคคลากรว่า โรงเรียนต่าง ๆ ต้องดึงเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมาช่วยงาน สั่งควบรวมชั้นเรียน และทำการสอนออนไลน์แบบชั่วคราว

ออร์บาเนก อธิบายด้วยว่า มีการเปลี่ยนบริษัทจัดหาบุคคลากรและตั้งเป้าในปีนี้ว่า จะหาครูทดแทนให้ได้มากถึง 90% โดยในปัจจุบัน มีครูแทนและครูเสริมกว่า 100 คน ที่เดินทางมายังโรงเรียนแห่งเดิมทุกวัน เพื่อเตรียมเข้าสอนแทนหากมีคนขอลางานอย่างกะทันหัน

เจมส์ โฟการ์ตี ผู้อำนวยการขององค์กร A+ Schools ในเขตพิตต์สเบิร์ก เปิดเผยว่า ลูกของเขาซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมต้องกลับมาเรียนออนไลน์หลายครั้งในปีที่แล้ว เนื่องจาก โรงเรียนในเขตพิตต์สเบิร์กเผชิญภาวะหยุดชะงักจำนวน 46 ครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 และเขาหวังว่า ทางเขตจะสามารถเข้าแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้นและรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น พร้อมระบุ ว่า “เราจะมีระบบที่ยืดหยุ่นเพื่อรองรับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่เพียงผลักภาระไปยังครอบครัวของเด็ก และได้แต่หวังว่าผู้ปกครองจะไม่ถูกไล่ออกจากงานเพราะต้องขอลางานมาดูแลลูก”

โธมัส เคน นักวิจัยด้านนโยบายการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกล่าวว่า โรงเรียนต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะแบ่งความสนใจไปในประเด็นอื่น เพราะต้องมุ่งไปที่การช่วยเด็กให้เรียนทันกับระยะเวลาที่สูญเสียไป

เคน ระบุด้วยว่า ระดับการสูญเสียการเรียนรู้ของนักเรียนในการเรียนออนไลน์เป็นระยะเวลาครึ่งปีนั้นต่างกันไปแล้วแต่ประเภทของโรงเรียน โดยหากเป็นโรงเรียนในชุมชนผู้มีรายได้ต่ำ ระดับการสูญเสียนั้นจะสูงถึง 22 สัปดาห์ ขณะที่โรงเรียนของชุมชนผู้มีรายได้สูงจะสูญเสียการเรียนรู้ไป 13 สัปดาห์

(FILES) In this file photo taken on November 16, 2020 Students sit with their laptop computers at St. Joseph Catholic School in La Puente, California where pre-kindergarten to Second Grade students in need of special services returned to the classroom…

นอกจากนั้น ช่องว่างด้านความสำเร็จของระหว่างกลุ่มคนผิวขาวและกลุ่มคนผิวดำ นักเรียนเชื้อสายละตินกับนักเรียนผิวขาว หรือเด็กจากโรงเรียนยากจนและโรงเรียนที่ร่ำรวยนั้นกำลังถ่างกว้างขึ้นเป็นประวัติการณ์อยู่ หากไม่มีความพยายามปิดช่องว่างเหล่านี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะคงอยู่อย่างถาวรและส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อเด็ก ๆ

อย่างไรก็ดี แจ็คเกอลีน ไบรอันท์ โฆษกของเขตการศึกษาโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ระบุว่า “ในการเปิดเรียนเดือนสิงหาคมของปีนี้ ทางเขตยังคงยึดหลักมาตรการปฏิบัติตามเดิม เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ นักเรียนและครอบครัว เกิดความปลอดภัย” ขณะที่ โลลิตา ออเกนสตีน ประธานสมาคม Council of PTAs ในเมืองโคลัมบัส แสดงความเห็นเชิงบวกว่า ในปีนี้สถานการณ์น่าที่จะดีขึ้น โดยให้คำแนะนำว่า เจ้าหน้าด้านการศึกษาควรได้รับการฝึกเพื่อสอนออนไลน์ให้ได้หากมีความจำเป็น และกล่าวเสริมว่า “เด็ก ๆ มีความยืดหยุ่นมากขึ้น อีกทั้งผู้ปกครองและครอบครัวต่างเคยผ่านช่วงเวลาที่นักเรียนต้องสลับไปมา ระหว่างการเรียนออนไลน์และการเข้าชั้นเรียนจริงแล้ว”

ทั้งนี้ โรงเรียนต่าง ๆ หวังว่า การหยุดชะงักของการเรียนการสอนจะไม่เกิดขึ้นเท่าใดแล้ว เนื่องจาก หลายเขตการศึกษาได้ลงทุนในเรื่องระบบการระบายอากาศที่ดีขึ้น ขณะที่ เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนก็มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนต้านโควิด-19แล้ว

เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนในเมืองบัลติมอร์ กล่าวว่า การเข้าถึงชุดตรวจโควิด-19 อย่างง่าย (rapid tests) ที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้โรงเรียนสามารถเปิดทำการได้ตามปกติ หากเกิดการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ในฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง เมื่อเทียบกับในช่วงเดือนมกราคมของปีนี้ที่มีผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเป็นจำนวนมาก และในเวลานั้น โรงเรียนใช้การตรวจประเภท PCR ซึ่งแสดงผลช้า ส่งผลให้ทางเขตไม่สามารถติดตามผลได้ทันท่วงที

ท้ายสุด คลีโอ เฮิร์ช ผู้อำนวยการฝ่ายรับมือสถานการณ์โควิด-19 ของเขตการศึกษาบัลติมอร์ กล่าวว่า “เรามั่นใจว่าระเบียบปฏิบัติที่มีอยู่นั้นจะสามารถรับมือกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้น และโรงเรียนจะสามารถทำการสอนในชั้นเรียนได้ตามปกติ เว้นเสียแต่ จะเกิดสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงจริง ๆ”

  • ที่มา: เอพี