Your browser doesn’t support HTML5
เข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี นอกจากจะเต็มไปด้วยถึงเทศกาลแห่งความสุข ตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้า ไปจนถึงคริสต์มาส และเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ใน “เดือนพฤศจิกายน” ของทุกปี ยังเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของขาช้อปและห้างร้านทั่วโลกเช่นกัน
ที่ประเทศจีน มี “วันแห่งคนโสด” 11 พฤศจิกายน ของทุกปี ที่ริเริ่มจากวันจบการศึกษาของนักศึกษาจีน จากมหาวิทยาลัยนานจิง เมื่อปี 1993 ที่หยิบยกความพิเศษของตัวเลขวันที่ 11 และเดือน 11 เพื่อสื่อถึงความโดดเดี่ยวเดียวดายไร้คู่ เปรียบได้กับการต่อต้านวันวาเลนไทน์นั่นเอง
นอกจากนั้น นักศึกษากลุ่มเดียวกันนี้ยังได้ติดประกาศให้วันดังกล่าว ที่เป็นตัวเลข 1 ที่เรียงกัน 4 ตัวนั้น จะหมายถึงวันที่คนโสดทั้งหลายจะมาพบปะพูดคุยกันเพื่อทำลายความโสดให้หมดไปนั่นเอง
ความเหงาไม่เคยปราณีใคร ทำให้คนโสดจำนวนมาก คือ กำลังซื้อสำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นที่บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน Alibaba เห็นความสำคัญของวันนี้ จากยอดขายสินค้าออนไลน์ที่ทะลุหลายร้อยล้านเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2011 ภายในวันเดียว เกือบเท่ากับ Cyber Monday ของฝั่งตะวันตก ที่ยอดช้อปออนไลน์พุ่งสูงหลัง Black Friday ของทุกปี
โดยในปีนี้ยอดขายใน “วันคนโสด” ของ Alibaba สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง แตะระดับ 2 หมื่น 5 พัน 3 ร้อยล้านดอลลาร์ หรือราว 8 แสน 6 หมื่นล้านบาท จากแรงช้อป 1 พัน 4 ร้อย 80 ล้านคนผ่านระบบจ่ายเงิน Alipay เพิ่มสูงขึ้นถึง 39% จากปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้น คือ ทำยอดขายแตะ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 8 นาที
ไม่เพียงแค่ Alibaba ที่จับกระแสการช้อปวันคนโสดเท่านั้น ห้างร้านค้าปลีกออนไลน์หลายเจ้าทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก ใช้จุดขายของวันคนโสดนี้ กระตุ้นการจับจ่าย และทำให้ “วันคนโสด” กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับผู้ที่รักการช้อปปิ้งออนไลน์ทั่วโลกไปในที่สุด
ส่วนในฝั่งอเมริกานั้น อาจไม่ได้ตื่นเต้นกับวันคนโสดมากนัก เพราะเดือนพฤศจิกายนนี้ มีวันสำคัญในการช้อปสินค้าเพื่อวันคริสต์มาสและปีใหม่ อย่าง Black Friday หรือวันศุกร์ทมิฬ ที่ผู้คนมืดฟ้ามัวดินจะไปต่อรอคิวหน้าร้านค้าต่างๆ เพื่อเข้าไปซื้อสินค้าในราคาที่ถูกกว่าปกติ
ในระยะหลังๆ กระแสการช้อปในวัน Black Friday อาจจะเสื่อมมนต์ขลังไปบ้าง เมื่อข้อมูลจากสมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ National Retail Federation ระบุว่า เมื่อปีที่แล้วชาวอเมริกันเพียง 29 ล้านคนที่ไปซื้อสินค้าในวัน Black Friday ลดลงจากปี 2015 ที่ 34 ล้าน 6 แสนคน
ส่วนหนึ่งคือกระแสการซื้อสินค้าออนไลน์ที่กลายเป็นการช้อปกระแสหลักของคนรุ่นใหม่ แต่ Business Insider ระบุว่า Black Friday ของปีนี้ จะมาเร็วและยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ และยังมีชาวอเมริกันที่เฝ้ารอให้วันที่ 24 พฤศจิกายนมาถึง
Yahoo.com เผยผลสำรวจ ระบุว่า ชาวอเมริกัน 79% ยังวางแผนไปจับจ่ายในวัน Black Friday ปีนี้ และ 44% ของผู้ที่ทำการสำรวจ ตั้งใจไปตั้งแคมป์หน้าร้านที่ต้องการช้อป เพื่อเข้าไปซื้อสินค้าตั้งแต่ร้านเปิดช่วงเช้าตรู่ด้วย ส่วนอีก 22% ในนั้น ตั้งใจจะเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 24 เพื่อซื้อสินค้าออนไลน์