ประวัติศาสตร์รองเท้าระบุว่า ผู้ชายเป็นคนเริ่มใช้รองเท้าส้นสูง แต่ทำไมเดี๋ยวนี้จึงมีแต่ผู้หญิงที่ใส่รองเท้าส้นสูง
พิพิธภัณฑ์ของ Fashion Institute of Technology ในนครนิวยอร์คจัดนิทรรศการ “Shoe Obsession” ขึ้น นิทรรศการดังกล่าวแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับรองเท้าว่า เป็นเรื่องที่ครอบงำความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิงเป็นอย่างยิ่ง
Valerie Steele ผู้อำนวยการและหัวหน้าภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ของ Fashion Institute of Technology บอกว่า “รองเท้ายึดครองพื้นที่พิเศษในจินตนาการของผู้หญิง” และว่าผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงมีความรู้สึกเหมือนกับเป็นเทพธิดากรีก ซึ่งมีทั้งอำนาจ ความงามและสถานภาพสูงส่ง
Elizabeth Semmelhack ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์รองเท้าบาจา (Bata Shoe Museum) ในนคร Toronto ประเทศแคนาดาเล่าประวัติความเป็นมาของรองเท้าส้นสูงว่า น่าจะเริ่มต้นมาจากคนขี่ม้าในเอเชียตะวันออกใกล้ (Near East) ที่คิดทำส้นรองเท้าขึ้นมา เวลาขี่ม้าเอาส้นใส่โกลนไว้ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเท้าจะหลุดออกมาจากโกลน
และว่ากันว่า ผู้ชายชาวยุโรปไปเห็นเข้า เลยเอามาดัดแปลงใช้กันในช่วงปี ค.ศ. 1590 ภัณฑารักษ์ Valerie Steele บอกว่า ในภาพวาดพระเจ้า Louis ที่ 14 ของฝรั่งเศส จะเห็นว่าทรงสวมรองเท้ามีส้นสูงสีแดง
แต่ปรากฎว่า พอถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ผู้ชายเลิกใส่ส้นสูง และกลายมาเป็นแฟชั่นเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ในขณะเดียวกัน มีรายงานบันทึกไว้ว่า รัฐสภาอังกฤษออกกฎหมายกำหนดโทษผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูง โดยจัดระดับโทษไว้เท่ากับผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามรายงานกล่าวไว้ด้วยว่า กฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ไม่ได้ผล
รองเท้าที่นำมาแสดงในนิทรรศการ “Shoe Obsession” นี้ มีผลงานของนักออกแบบรองเท้าชั้นนำมาแสดง ทั้งที่สวมใส่ได้และที่สวมใส่ไม่ได้ ให้ตั้งโชว์ไว้เฉยๆเท่านั้น
Valerie Steele บอกว่าในช่วงกว่าสิบปีมานี้ ผู้หญิงให้ความสนใจกับรองเท้าส้นสูงที่เป็นฝึมือของนักออกแบบมีชื่อเสียงมากขึ้น และยอมรับว่า รายการโทรทัศน์ขุด “Sex and the City” มีอิทธิพลในเรื่องนี้มากทีเดียว
รายการโทรทัศน์ชุดนี้ช่วยให้ชื่อของนักออกแบบรองเท้าส้นสูง เช่น Manolo Blahnik, Christian Louboutin และ Jimmy Choo ติดปากผู้คนทั่วไป แต่ Valerie Steele ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ของ Fashion Institute of Technology บอกว่า แม้ผู้หญิงทุกคนจะสวมรองเท้าส้นสูง แต่การสวมใส่นั้นมีกาละเทศะ เช่น เวลาออกงาน หรือต้องการเสริมความเชื่อมั่นในตนเอง
สำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีความเชื่อมั่น เปี่ยมด้วยอำนาจ และความงามในสมัยนี้ น่าจะลองสวมรองเท้าบู๊ทส้นสูงดูบ้างก็ได้
พิพิธภัณฑ์ของ Fashion Institute of Technology ในนครนิวยอร์คจัดนิทรรศการ “Shoe Obsession” ขึ้น นิทรรศการดังกล่าวแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับรองเท้าว่า เป็นเรื่องที่ครอบงำความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิงเป็นอย่างยิ่ง
Valerie Steele ผู้อำนวยการและหัวหน้าภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ของ Fashion Institute of Technology บอกว่า “รองเท้ายึดครองพื้นที่พิเศษในจินตนาการของผู้หญิง” และว่าผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงมีความรู้สึกเหมือนกับเป็นเทพธิดากรีก ซึ่งมีทั้งอำนาจ ความงามและสถานภาพสูงส่ง
Elizabeth Semmelhack ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์รองเท้าบาจา (Bata Shoe Museum) ในนคร Toronto ประเทศแคนาดาเล่าประวัติความเป็นมาของรองเท้าส้นสูงว่า น่าจะเริ่มต้นมาจากคนขี่ม้าในเอเชียตะวันออกใกล้ (Near East) ที่คิดทำส้นรองเท้าขึ้นมา เวลาขี่ม้าเอาส้นใส่โกลนไว้ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเท้าจะหลุดออกมาจากโกลน
และว่ากันว่า ผู้ชายชาวยุโรปไปเห็นเข้า เลยเอามาดัดแปลงใช้กันในช่วงปี ค.ศ. 1590 ภัณฑารักษ์ Valerie Steele บอกว่า ในภาพวาดพระเจ้า Louis ที่ 14 ของฝรั่งเศส จะเห็นว่าทรงสวมรองเท้ามีส้นสูงสีแดง
แต่ปรากฎว่า พอถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ผู้ชายเลิกใส่ส้นสูง และกลายมาเป็นแฟชั่นเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ในขณะเดียวกัน มีรายงานบันทึกไว้ว่า รัฐสภาอังกฤษออกกฎหมายกำหนดโทษผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูง โดยจัดระดับโทษไว้เท่ากับผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามรายงานกล่าวไว้ด้วยว่า กฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ไม่ได้ผล
รองเท้าที่นำมาแสดงในนิทรรศการ “Shoe Obsession” นี้ มีผลงานของนักออกแบบรองเท้าชั้นนำมาแสดง ทั้งที่สวมใส่ได้และที่สวมใส่ไม่ได้ ให้ตั้งโชว์ไว้เฉยๆเท่านั้น
Valerie Steele บอกว่าในช่วงกว่าสิบปีมานี้ ผู้หญิงให้ความสนใจกับรองเท้าส้นสูงที่เป็นฝึมือของนักออกแบบมีชื่อเสียงมากขึ้น และยอมรับว่า รายการโทรทัศน์ขุด “Sex and the City” มีอิทธิพลในเรื่องนี้มากทีเดียว
รายการโทรทัศน์ชุดนี้ช่วยให้ชื่อของนักออกแบบรองเท้าส้นสูง เช่น Manolo Blahnik, Christian Louboutin และ Jimmy Choo ติดปากผู้คนทั่วไป แต่ Valerie Steele ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ของ Fashion Institute of Technology บอกว่า แม้ผู้หญิงทุกคนจะสวมรองเท้าส้นสูง แต่การสวมใส่นั้นมีกาละเทศะ เช่น เวลาออกงาน หรือต้องการเสริมความเชื่อมั่นในตนเอง
สำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีความเชื่อมั่น เปี่ยมด้วยอำนาจ และความงามในสมัยนี้ น่าจะลองสวมรองเท้าบู๊ทส้นสูงดูบ้างก็ได้