ผู้ขายบัตรคอนเสิร์ต ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ถูก สว. อเมริกัน ฟาดยับ!

MUSIC-TAYLOR SWIFT/

สว. สหรัฐฯ ออกโรงตั้งคำถามถึงพฤติกรรมการจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตของทิคเก็ตมาสเตอร์ (Ticketmaster) บริษัทจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ หลังจากเมื่อเดือนพฤศจิกายน เว็บไซต์ของบริษัทล่มระหว่างการเปิดขายบัตรล่วงหน้าสำหรับคอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ จนทำให้ลูกค้าหลายพันคน “ชวดบัตร” แม้จะต่อคิวออนไลน์นานหลายชั่วโมงเพื่อรอซื้อบัตรก็ตาม ตามรายงานของเอพีและรอยเตอร์

เหตุการณ์ “บัตรล่ม” ครั้งนั้น ทำให้ทิคเก็ตมาสเตอร์ยกเลิกแผนการจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ต อีราส์ (Eras) ซึ่งเป็นทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกในรอบห้าปีของศิลปินสาวชื่อดังชาวอเมริกัน หลังเว็บไซต์ของบริษัทได้รับคำขอกว่า 3,500 ล้านครั้งจากแฟนเพลง บอท และนักซื้อบัตรเพื่อนำไปขายต่อ

ความโปร่งใสในการตั้งราคาและการจัดการจำหน่ายบัตรของทิคเก็ตมาสเตอร์ กลายเป็นประเด็นร้อนจนคณะกรรมการตุลาการของวุฒิสภาสหรัฐฯ เปิดวาระไต่สวนเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 ม.ค. หลังกลุ่มผู้เสียหายยื่นฟ้องบริษัทต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ทิคเก็ตมาสเตอร์เป็นบริษัทจำหน่ายบัตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก จำหน่ายบัตรปีละ 500 ล้านใบใน 30 ประเทศ ข้อมูลในคำยื่นฟ้องจากผู้เสียหายระบุว่า ทิคเก็ตมาสเตอร์เป็นผู้จำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตใหญ่ในสหรัฐฯ ถึงราว 70% ของบัตรทั้งหมด

สว. สหรัฐฯ จากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันยังหารือถึงมาตรการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เช่น การกำหนดห้ามโอนชื่อบัตรเป็นชื่อผู้อื่น เพื่อป้องกันการนำบัตรไปขายต่อ การกำหนดให้บริษัทชี้แจงราคาบัตรอย่างโปร่งใสขึ้น รวมไปถึงการให้ทิคเก็ตมาสเตอร์และไลฟ์ เนชัน (Live Nation) บริษัทจัดคอนเสิร์ต แยกตัวออกจากกัน หลังทั้งสองบริษัทควบรวมกิจการกันเมื่อปี 2010

ขณะเดียวกัน ทางทิคเก็ตมาสเตอร์อธิบายว่า เว็บไซต์ของบริษัทต้องรองรับทั้งแฟนเพลงที่รอจองบัตร และบอทโจมตีที่แฝงตัวเป็นลูกค้าที่เล็งซื้อบัตรเพื่อไปจำหน่ายต่อในเว็บไซต์อื่น ๆ

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. โจ เบิร์ชโทลด์ ประธานของไลฟ์ เนชัน กล่าวขอโทษแฟนเพลงและสวิฟท์ พร้อมกล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทิคเก็ตมาสเตอร์ใช้งบ 1,000 ล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของระบบการจำหน่ายบัตรและหยุดการโจมตีจากบอท เขายังขอความช่วยเหลือในการรับมือบอทที่ซื้อบัตรเพื่อขายต่อนี้ด้วย

taylor swit ticketmaster infographic

สารพัดข้อคลางแคลงใจต่อการจัดการของ ทิคเก็ตมาสเตอร์

สว. อเมริกันต่างตั้งคำถามถึงการจัดการจำหน่ายบัตรดังกล่าว เช่น มาร์ชา แบล็คเบิร์น สว. สหรัฐฯ พรรครีพับลิกัน จากรัฐเทนเนสซี ระบุว่า หน่วยงานต่าง ๆ เช่น ธนาคาร บริษัทพลังงาน ต่างตกเป็นเป้าโจมตีของบอทบ่อยครั้ง แต่กลับสามารถจัดการและไม่ประสบปัญหาระบบล่ม

ทางด้านเอมี โคลบูชาร์ สว. สหรัฐฯ พรรคเดโมแครต จากรัฐมินเนโซตา ตั้งข้อสังเกตว่า บัตรคอนเสิร์ตมีราคาสูงเกินไปสำหรับแฟนเพลงจำนวนมาก โดยค่าธรรมเนียมบัตรมักมีมูลค่าราว 27% ของราคาบัตรทั้งหมด และอาจขึ้นไปสูงได้ถึง 75%

เบิร์ชโทลด์ จากไลฟ์ เนชัน ยืนยันว่า ทิคเก็ตมาสเตอร์ไม่ได้ตั้งราคาหรือค่าธรรมเนียมบริการของบัตร และไม่ได้ตัดสินใจว่าจะจำหน่ายบัตรจำนวนเท่าใด เขากล่าวว่า เจ้าของสถานที่จัดคอนเสิร์ตเป็นผู้กำหนดค่าธรรมเนียมบริการ โดยไลฟ์ เนชัน เป็นเจ้าของสถานที่จัดคอนเสิร์ตเพียง 5% ของสถานที่ทั้งหมดในสหรัฐฯ เท่านั้น

เบิร์ชโทลด์ยังกล่าวด้วยว่า ค่าธรรมเนียมบัตรนั้นผันแปรขึ้นอยู่กับ “เรทติ้ง” ของคอนเสิร์ต โดยในประเด็นนี้ สว. โคลบูชาร์ ตอบโต้ว่า ไม่มีความโปร่งใสว่าใครเป็นผู้กำหนดค่าธรรมเนียมกันแน่

แจ็ค โกรตซินเจอร์ ซีอีโอของซีท กีค (Seat Geek) บริษัทจำหน่ายบัตรอีกแห่ง เห็นว่า การที่ทิคเก็ตมาสเตอร์และไลฟ์ เนชัน รวมตัวกัน ทำให้เกิดการผูกขาดในอุตสาหกรรมคอนเสิร์ต และทางแก้เดียวก็คือการแยกทั้งสองบริษัทออกจากกัน เพื่อเพิ่มการแข่งขันในตลาด

โกรตซินเจอร์อธิบายว่า แม้บริษัทไลฟ์ เนชัน จะไม่ได้เป็นเจ้าของสถานที่จัดคอนเสิร์ต แต่ทางบริษัทก็กีดกันการแข่งขันด้วยการทำสัญญานานหลายปีกับสถานที่จัดงานเพื่อจำหน่ายบัตร โดยหากเจ้าของสถานที่เหล่านี้ไม่ตกลงใช้บริการของทิคเก็ตมาสเตอร์ ทางไลฟ์ เนชัน ก็อาจไม่ดำเนินการจัดคอนเสิร์ตที่สถานที่ดังกล่าว

From left, Live Nation Entertainment, Inc. President and Chief Financial Officer Joe Berchtold, SeatGeek, Inc. Chief Executive Officer Jack Groetzinger, Jam Productions LLC Chief Executive Officer and President Jerry Mickelson, The James Madison Institute Senior Vice President Sal Nuzzo, American Antitrust Institute Vice President For Legal Advocacy Kathleen Bradish, and singer-songwriter Clyde Lawrence appear before a Senate Judiciary Committee hearing to examine promoting competition and protecting consumers in live entertainment on Capitol Hill in Washington, Tuesday, Jan. 24, 2023. (AP Photo/Andrew Harnik)

ทั้งนี้ เมื่อปี 2010 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อนุญาตให้ไลฟ์ เนชัน และทิคเก็ตมาสเตอร์รวมกิจการกันได้ ตราบใดที่ไลฟ์ เนชัน ตกลงที่จะไม่กลั่นแกล้งเจ้าของสถานที่จัดคอนเสิร์ตต่าง ๆ หากพวกเขาใช้บริการบริษัทจำหน่ายตั๋วอื่น ๆ เป็นเวลา 10 ปี

อย่างไรก็ตาม ในปี 2019 ทางกระทรวงได้ทำการสอบสวน และพบว่าไลฟ์ เนชัน ละเมิดข้อตกลงดังกล่าวหลายครั้ง และได้ขยายข้อห้ามไลฟ์ เนชัน กลั่นแกล้งเจ้าของสถานที่จัดคอนเสิร์ตออกไปจนถึงปี 2025

ไมค์ ลี สว. สหรัฐฯ พรรครีพับลิกัน จากรัฐยูทาห์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมได้ทำการสอบสวนเนชัน ไลฟ์ อีกครั้ง หลังเกิดเหตุครั้งนี้ เขายังเห็นว่า รัฐสภาสหรัฐฯ ควรตั้งคำถามว่า กระทรวงทำถูกแล้วหรือไม่ที่อนุญาตให้ทั้งสองบริษัทรวมตัวกันได้

สว. ลี เห็นว่า การรักษาการแข่งขันที่เป็นธรรม อิสระ และเปิดกว้างในตลาดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากเป็นการเพิ่มคุณภาพและลดราคาสินค้าในท้องตลาด และควรมีกฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมายที่ดีขึ้นเพื่อปกป้องชาวอเมริกัน

ศิลปินเผย ไลฟ์ เนชันแบ่งกำไรให้ไม่เป็นธรรม

ทางด้านไคลด์ ลอว์เรนซ์ ศิลปินจากวงดนตรีป๊อป “ลอว์เรนซ์” เผยว่า เมื่อไลฟ์ เนชัน เป็นเจ้าของหรือทำสัญญากับสถานที่จัดงานคอนเสิร์ต ศิลปินจะมีอำนาจจำกัดในการต่อรองข้อตกลงหรือขอเปลี่ยนบริษัทจำหน่ายบัตร

ลอว์เรนซ์ยกตัวอย่างว่า ทิคเก็ตมาสเตอร์ตั้งราคาค่าบัตร บัตรละ 30 ดอลลาร์ แต่เมื่อรวมค่าธรรมเนียมแล้ว ค่าบัตรทั้งหมดกลับเพิ่มขึ้นเป็น 42 ดอลลาร์ โดยทางวงได้รับเงินเพียง 12 ดอลลาร์จากบัตรหนึ่งใบเท่านั้นหลังหักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องจ่ายให้ไลฟ์ เนชัน เช่น ค่าผ้าเช็ดตัวในห้องแต่งตัว 10 ผืน ด้วยราคา 250 ดอลลาร์

ศิลปินผู้นี้กล่าวต่อว่า เธอต้องการการจำกัดค่าธรรมเนียม ความโปร่งใสต่อการบริหารค่าธรรมเนียมสถานที่ รวมทั้งมีการแบ่งกำไรให้ศิลปินอย่างเป็นธรรมมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ไลฟ์ เนชัน กินส่วนแบ่งจากยอดขายสินค้าของศิลปินที่คอนเสิร์ต แต่กลับไม่แบ่งยอดขายอาหารและน้ำที่คอนเสิร์ตให้กับศิลปิน

ขณะเดียวกัน เบิร์ชโทลด์ แห่งไลฟ์ เนชัน กล่าวกับบรรดาวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ว่า เขาต้องการให้มีการจัดการการซื้อบัตรไปขายต่อในราคาสูง เขาระบุว่า มีวงเงินหมุนเวียนในวงการขายบัตรต่อนี้ถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งการห้ามการกระทำหลอกลวงผู้บริโภค เช่น การเสนอขายบัตรต่อทั้งที่บัตรนั้นยังไม่ถูกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และเขาเห็นด้วยว่า อุตสาหกรรมจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตควรมีความโปร่งใสเรื่องค่าธรรมเนียมมากขึ้น

ทางด้านจอห์น เคนเนดี สว. สหรัฐฯ พรรครีพับลิกัน รัฐลุยเซียนา เสนอให้มีการห้ามโอนชื่อเจ้าของบัตรคอนเสิร์ตเพื่อป้องกันการขายต่อ โดยเบิร์ชโทลด์เห็นด้วยกับประเด็นนี้เช่นกัน แม้ว่าบริษัทของเขาจะทำธุรกิจขายบัตรต่อก็ตาม

  • ที่มา: เอพี, รอยเตอร์