เกิดเหตุ "ระเบิดฆ่าตัวตายแบบครอบครัว" ครั้งที่สอง โจมตีสถานีตำรวจอินโดนีเซีย

Anti-terror policemen stand guard following a bomb blast at a police office in Surabaya, Indonesia, May 14, 2018.

เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่งในเมืองสุราบายา ของอินโดนีเซีย ในวันจันทร์ ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 10 ราย ซึ่งรายงานระบุว่า ผู้โจมตีคือครอบครัวที่ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน โดยหนึ่งในนั้นรอดชีวิต เป็นเด็กผู้หญิงวัย 8 ขวบ

เหตุการณ์ "ระเบิดฆ่าตัวตายแบบครอบครัว" ครั้งที่สองในอินโดนีเซีย เกิดขึ้นหลังจากเพิ่งเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้เพียงหนึ่งวัน โดยเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่อินโดฯ ระบุว่า ครอบครัวที่มีสมาชิก 6 คนได้ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์ชาวคริสต์ 3 แห่งในเมืองสุราบายาของอินโดนีเซีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 13 รายและบาดเจ็บ 41 คน

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ครอบครัวผู้ก่อเหตุ นอกจากจะมีพ่อและแม่ แล้วยังประกอบด้วยลูกสาวและลูกชายทั้งหมดอีก 4 คน โดยลูกคนเล็กสุดเป็นผู้หญิงวัย 9 ขวบ

ครอบครัวดังกล่าวเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศซีเรียไม่นานนี้ ตำรวจกล่าวด้วยว่าผู้ก่อเหตุมีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม Jemaah Ansharut Daulah ซึ่งได้รับแนวคิดมาจากกลุ่มรัฐอิสลาม

กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างความรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ในเมืองสุราบายา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศอินโดนีเซีย

Motorcycles burn following a blast at the Pentecost Church Central Surabaya (GPPS), in Surabaya, East Java, Indonesia May 13, 2018, in this photo provided by Antara Foto.

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตายแบบครอบครัวติดๆ กัน ทั้งสองครั้งดังกล่าว ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย ได้เร่งเร้าให้สภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซีย ผ่านร่างกฎหมายต่อต้ายการก่อการร้าย เพื่อให้ตำรวจและหน่วยข่าวกรองได้รับอำนาจมากขึ้นในการจัดการกับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายในประเทศ

President Jokowi at Gereja Kristen Indonesia, Surabaya, where an explosion happened earlier on May 13, 2018.