จากสงครามยูเครน-ผู้นำฝ่ายต่อต้านเครมลินดับ สู่โจทย์ใหญ่การเมืองสหรัฐฯ

  • VOA

อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2024 (ที่มา: AP)

การเสียชีวิตของอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย ส่งแรงกระเพื่อมถึงเวทีการเมืองอเมริกันทั้งในแง่ของแรงกดดันให้สภาคองเกรสผ่านงบประมาณช่วยเหลือยูเครน และฉายความแตกต่างในท่าทีของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเต็งหนึ่งผู้ท้าชิงอย่างโดนัลด์ ทรัมป์

การเสียชีวิตของนาวาลนีขณะอยู่ภายใต้การจองจำในทัณฑนิคมที่อาร์กติก ทำให้วาทะทางการเมืองในสหรัฐฯ เกี่ยวกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และที่เกี่ยวกับสงครามในยูเครน ทวีความแหลมคมขึ้น

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ออกมากล่าวโทษปูตินอย่างรวดเร็ว และยังขู่ด้วยว่าจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร สืบเนื่องจากการเสียชีวิตของนาวาลนี แม้เจ้าหน้าที่รัสเซียจะบอกว่า สาเหตุของเสียชีวิตคือ “โรคเสียชีวิตฉับพลัน” (Sudden Death syndrome) ก็ตาม

ไบเดนกล่าวว่า “ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ก็คือ ปูตินเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าเขาจะสั่งการหรือไม่ เขาเป็นผู้รับผิดชอบในการที่ทำให้คน ๆ นั้น (นาวาลนี) ตกอยู่ในสภาพการณ์นั้น และมันคือภาพสะท้อนว่าตัวเขา (ปูติน) เป็นคนอย่างไร เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทานทนได้ ผมบอกว่า (เรื่องนี้) มีราคาที่ต้องจ่าย”

Your browser doesn’t support HTML5

จากสงครามยูเครน-'นาวาลนี' เสียชีวิต สู่โจทย์ใหญ่การเมืองสหรัฐฯ

รัฐบาลเครมลินระบุว่า ข้อกล่าวหาของไบเดนนั้น “ไม่มีมูล” และ “โอหัง” และเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิเสธไม่ให้แม่ของนาวาลนีเข้าดูศพของลูกชายด้วย

อีกด้านหนึ่ง ทรัมป์ และพรรครีพับลิกันออกมาแสดงจุดยืนอีกแบบ โดยตัวทรัมป์กล่าวว่า จะไม่ให้การสนับสนุนองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO มากเท่าไบเดน และกล่าวในงานเมื่อไม่นานมานี้กับสื่อ ฟ็อกซ์ นิวส์ ด้วยว่า ตัวเขาก็เป็นเหยื่อการถูกเล่นงานทางการเมืองเช่นเดียวกับนาวาลนี

ทรัมป์กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องแย่นะ แต่มันก็กำลังเกิดขึ้นในประเทศของเราเหมือนกัน เรากำลังกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ในหลาย ๆ แง่” และกล่าวด้วยว่า “ผมถูกฟ้อง 4 คดี และมีไต่สวนอีก 8-9 เรื่อง…ทั้งหมดมีเหตุผลจากข้อเท็จจริงที่ว่า ผมอยู่ในการเมือง”

ทรัมป์ยังไม่ให้ความชัดเจนว่า เขาจะทำให้สงครามในยูเครนสิ้นสุดอย่างไร แต่กล่าวเพียงว่า ถ้าเขาเป็นผู้นำสหรัฐฯ ปูตินจะไม่มีวันบุกยูเครน

ฝ่ายรีพับลิกันยังคงตั้งคำถามว่า เหตุใดสหรัฐฯ ต้องนำเงินไปสนับสนุนความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ ทั้งนี้ ทำเนียบขาวก็ออกมาระบุว่า การที่กองทัพรัสเซียเพิ่งเข้ายึดครองเมืองหลักในยูเครนได้นั้น บ่งชี้ว่ากองทัพยูเครนกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ สมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันบางราย เชื่อว่า คองเกรสจะสามารถผ่านกฎหมายงบประมาณสนับสนุนมูลค่า 95,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.4 ล้านล้านบาท) ได้ โดยงบส่วนใหญ่จะถูกใช้ในการสนับสนุนยูเครน

ไบรอัน ฟิตซ์แพทริก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกัน คิดว่า การตอบสนองจากยุโรปและสหรัฐฯ ที่เชื่องช้าจะสร้างความเสียหายให้กับยูเครน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขามองว่า สภาคองเกรสจะพยายามทำอะไรบางอย่างออกมาให้ได้

ด้านปีเตอร์ โพเมรันท์เซฟ จากมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอพกินส์ (Johns Hopkins University) กล่าวว่า สงครามในยูเครนสร้างโจทย์ให้กับสหรัฐฯ ในแง่ที่ว่า “อเมริกาจะยังเล่นบทมหาอำนาจที่ทำตามสัญญา เคารพในพันธมิตรและสามารถแสดงพลังได้หรือไม่ หรืออเมริกาในฐานะมหาอำนาจตัวจริงได้จบสิ้นลงแล้ว”

แม้ว่า กรุงมอสโกและกรุงวอชิงตันจะอยู่ห่างจากกันถึงเกือบ 8,000 กิโลเมตร สถานการณ์ทางการเมืองในปีเลือกตั้งของสหรัฐฯ อาจทำให้อนาคตของรัฐบาลสองมหาอำนาจนี้มาเกี่ยวพันกันมากกว่าที่เคย ก็เป็นได้

ที่มา: วีโอเอ