รัสเซียชี้ พร้อมถกเวทีความมั่นคงกับสหรัฐฯ แต่ต้องมีเรื่องยูเครนด้วย

  • VOA

ดิมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย (ที่มา: AP)

ดิมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวในวันศุกร์ว่า รัสเซีย “พร้อม” ที่จะมีการพูดคุยด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ แต่ว่าจะต้องรวมเรื่อง “การเข้าไปข้องเกี่ยวโดยตรง” ของสหรัฐฯ ในยูเครนอยู่ในวาระด้วย

เพสคอฟกล่าวในการแถลงข่าวผ่านโทรศัพท์ว่า การพูดคุยดังกล่าวถือว่า “มีความจำเป็นอย่างมาก” เพราะว่า “ปัญหากำลังพอกพูนขึ้น และมีหลายปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมด้านความมั่นคงของโลก”

ความเห็นของโฆษกรัฐบาลเครมลินมีขึ้นหลังถูกถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่รัสเซียจะพูดคุยกับสหรัฐฯ ในประเด็นความเสี่ยงด้านอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากการพูดคุยในเรื่องความขัดแย้งกับยูเครน

เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก ตอบโต้เพสคอฟว่า การที่ชาติตะวันตกส่งอาวุธให้ยูเครนป้องกันตนเองนั้น ไม่ถือเป็น “การเข้าไปข้องเกี่ยวโดยตรง” ในความขัดแย้ง

ทำเนียบขาวประกาศในวันพฤหัสบดีว่า จะเร่งรัดให้ยูเครนได้รับจรวดป้องกันทางอากาศเป็นประเทศแรก หลังต้องเผชิญการโจมตีด้วยโดรนและจรวดของรัสเซียในช่วงข้ามคืนในหลายพื้นที่ สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างด้านพลังงาน

จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงทำเนียบขาว กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จรวดภาคพื้นดินสู่อากาศรุ่นแพทริออทส์และ NASAMS จะถูกจัดส่งให้ยูเครนก่อนหน้าชาติอื่น ๆ ที่สั่งซื้อ โดยอ้างถึงเหตุโจมตีข้างต้นเช่นกัน

ด้านยูเครนตอบโต้การโจมตีของรัสเซียในวันศุกร์โดยมุ่งเป้าไปที่โรงกลั่นน้ำมัน อาคารเรดาร์ และศูนย์ข่าวกรองในพื้นที่ตอนใต้ของรัสเซียและพื้นที่ไครเมียที่ถูกยึดครองไปก่อนหน้านี้

กองเสนาธิการของรัฐบาลเคียฟกล่าวว่า ยูเครนโจมตีอาคารเก็บเชื้อเพลิงและสารเคมีในแคว้นทามบอฟ รวมถึงคลังน้ำมันในสาธารณรัฐปกครองตนเองอะดีเกยาทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซียด้วย

รัสเซียรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายจากชุดการโจมตีดังกล่าว และสามารถทำลายโดรนของยูเครนได้ 114 ลำ

อูเครเนอร์โก ผู้ให้บริการด้านพลังงานระดับชาติของยูเครน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การโจมตีโรงไฟฟ้าโดยรัสเซียได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับโรงไฟฟ้าในหลายเขตปกครองและทำให้มีคนงานบาดเจ็บสามคน

ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนกล่าวว่า การโจมตีของรัสเซียทำลายความสามารถในการผลิตไฟฟ้าของยูเครนไปครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

  • ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี, รอยเตอร์และเอเอฟพี