รัสเซียยึดโรงไฟฟ้าอันดับ 2 ของยูเครน

Ukrainian self-propelled artillery shoots towards Russian forces in Kharkiv region, Ukraine, July 27, 2022.

รัฐบาลยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังรัสเซียได้เข้ายึดโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศแล้ว และกำลังเดินหน้าส่งกำลังครั้งใหญ่เพื่อหวังยึดครองพื้นที่ใน 3 เขตปกครองทางภาคใต้ด้วย

โอเลกซีย์ อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ยืนยันว่า รัสเซียสามารถยึดโรงไฟฟ้า วูห์เลเฮิร์สก ในเขตปกครองดอแนตสก์ได้สำเร็จแล้ว แต่ชี้ว่า กรณีดังกล่าวถือเป็น “ความได้เปรียบทางกลยุทธ์เพียงเล็กน้อย” ของฝั่งรัสเซีย

a car moving past a crater on Kherson's Antonovsky bridge across the Dnipro river caused by a Ukrainian rocket strike

อาเรสโตวิช กล่าวด้วยว่า กองทัพมอสโกได้ส่งกำลังพลรอบใหม่ไปยัง เมลิโตโพล ซาปอห์ริเชีย และเคอร์ซอน ซึ่งน่าจะเป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนกลยุทธ์จากการรุกคืบมาเป็นการตั้งรับแทน

กระทรวงกลาโหมอังกฤษเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า กองกำลังของยูเครนเริ่มสามารถทำการรบต่อต้านการโจมตีในเคอร์ซอนได้มากขึ้นแล้ว โดยพื้นที่แคว้นดังกล่าวเป็นบริเวณที่รัสเซียเข้ายึดครองมาตั้งแต่ช่วงต้น ๆ ของการรุกรานยูเครน และระบุว่า “ยูเครนได้ใช้กระสุนพิสัยไกลชุดใหม่ในการทำลายสะพานข้ามแม่น้ำดนิโปร อย่างน้อย 3 แห่ง ที่รัสเซียพึ่งพาในการนำส่งเสบียงไปยังพื้นที่ที่ตนยึดครองอยู่”

การประเมินสถานการณ์รายวันของกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ชี้ด้วยว่า เมืองเคอร์ซอน “แทบจะถูกตัดขาดจากอาณาเขตอื่น ๆ ที่ถูก(รัสเซีย)ยึดครองแล้ว”

รายงานข่าวเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซียมีแผนที่จะส่งกองกำลังของตนไปยังเส้นทางอื่น ๆ เพื่อข้ามแม่น้ำดนิโปร หลังสะพานหลายแห่งถูกทำลายลง ซึ่งรวมถึงการใช้สะพานลอยน้ำและเรือเฟอร์รี

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนมีแผนที่จะพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในเร็ว ๆ นี้ โดยประเด็นที่คาดว่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาคุยก็คือ การดำเนินการตามข้อตกลงเปิดทางให้ยูเครนส่งออกธัญพืชผ่านท่าเรือในทะเลดำอีกครั้ง และการที่รัสเซียผนวกแคว้นดอนบาสเข้ากับตน

UKRAINE-CRISIS/RUSSIA-AFRICA | Sergei Lavrov in Egypt Africa

ทั้งนี้ รมต.ลาฟรอฟ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการเยือน 4 ประเทศในทวีปแอฟริกาเมื่อวันพุธ ออกมาโต้คำกล่าวหาของชาติตะวันตกว่า รัสเซียเป็นผู้ที่ทำให้เกิดวิกฤตอาหารโลก โดยกล่าวว่า ราคาอาหารนั้นปรับขึ้นสูงเพราะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และสิ่งที่ตนเรียกว่าเป็น “นโยบายสีเขียว” ของชาติตะวันตก

ในส่วนของการประชุมระหว่างรัฐมนตรีสหรัฐฯ และรัสเซียนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ย้ำว่า การหารือที่จะเกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่า สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศมหาอำนาจกำลังกลับคืนสู่ระดับปกติ แต่เป็นเพียงโอกาสที่กรุงวอชิงตันจะนำเสนอประเด็นความกังวลให้มอสโกได้อย่างชัดเจนและตรงไปตรงมามากกว่า

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในเวลานี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองประเทศยังไม่มีแผนจะประชุมนอกรอบแบบซึ่งหน้า ในระหว่างการเข้าร่วมการประชุม ASEAN Regional Forum ที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในเดือนสิงหาคมนี้

  • ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพีและรอยเตอร์