รัสเซียโจมตียูเครนทางอากาศครั้งใหญ่ในวันศุกร์ ด้วยจรวดนำวิถีและขีปนาวุธ 93 ลูก และโดรนเกือบ 200 ลำ ตามการรายงานของเอพี
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนระบุว่าเป็นการจู่โจมใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งต่ออุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ โดยกองทัพยูเครนสามารถสกัดจรวดได้ 81 ลูก รวมถึงขีปนาวุธ 11 ลูกที่โดนเครื่องบิน F-16 ที่ได้รับจากพันธมิตรตะวันตกในช่วงปีนี้ยิงตก
ผู้นำยูเครนระบุในเทเลแกรม เรียกร้องให้นานาชาติแสดงท่าทีที่รุนแรงต่อการโจมตีของรัสเซียครั้งนี้
ชะตากรรมของยูเครนยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน หลังว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศจะยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จนนำไปสู่คำถามว่า ผู้ให้การสนับสนุนใหญ่อย่างรัฐบาลวอชิงตันจะยังสนับสนุนรัฐบาลกรุงเคียฟต่อไปหรือไม่
ที่กรุงมอสโก กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่ากองทัพทำการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลและโดรนไปยัง “พื้นที่ด้านพลังงานและเชื้อเพลิงที่มีความสำคัญยิ่งยวดที่ทำให้อุตสาหกรรมทหารสามารถดำเนินการได้ในยูเครน”
กระทรวงกลาโหมรัฐบาลมอสโกกล่าวด้วยว่าการโจมตีในวันศุกร์ คือการตอบโต้ที่ยูเครนยิงจรวดพิสัยไกล ATACMS ของสหรัฐฯ ใส่ฐานทัพอากาศรัสเซียเมื่อวันพุธ
ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร TIME เมื่อวันพฤหัสบดีว่าไม่เห็นด้วยที่ยูเครนใช้อาวุธของสหรัฐฯ โจมตีเป้าหมายในรัสเซีย
ในวันต่อมา โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ดิมิทรี เพสคอฟ ระบุว่าจุดยืนของทรัมป์ “พ้องกับจุดยืนของเรา” ซึ่งถือว่ามีวิสัยทัศน์ที่ตรงกับรัสเซียในการมองสาเหตุว่า เหตุใดสงครามครั้งนี้ถึงยกระดับขึ้น
สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเคียฟระบุว่าการโจมตีในวันศุกร์ยังมุ่งเป้าไปที่โครงข่ายการขนส่งและเป้าหมายสำคัญอื่น ๆ ทางด้านบริษัทเอกชน DTEK ผู้ให้บริการพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในยูเครนระบุว่าการโจมตี “สร้างความเสียหายรุนแรง” ให้กับโรงไฟฟ้าหลายแห่งของบริษัท
ที่ผ่านมารัสเซียพยายามทำลายระบบไฟฟ้าของยูเครนมาแล้วหลายครั้ง เพื่อบั่นทอนทั้งการผลิตอาวุธของคู่สงคราม และบั่นทอนจิตใจของพลเรือนที่ต้องอยู่แบบไม่มีแสงสว่าง น้ำประปาและระบบทำความร้อน
การโจมตีขนาดใหญ่แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นเมื่อ 28 พฤศจิกายน ด้วยขีปนาวุธและโดรนรวมกันราว 200 หน่วย ทำให้หลายล้านครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ จนกระทั่งทีมฉุกเฉินเข้าแก้ไขปัญหาและเชื่อมต่อไฟฟ้าอีกครั้ง
สงครามที่กำลังเข้าสู่ปีที่สาม ทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าของยูเครนไปแล้วเกือบครึ่ง และทำให้ปัญหาไฟฟ้าดับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องทั่วไป
พันธมิตรตะวันตกของยูเครนพยายามช่วยเหลือด้วยการมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศเพื่อคุ้มครองโครงสร้างพื้นฐาน แต่รัสเซียก็แก้ปัญหาด้วยการใช้โดรนและขีปนาวุธคราวละมาก ๆ เพื่อให้ระบบป้องกันรับมือไม่ทัน
- ที่มา: เอพี