กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า มีทหารยูเครนจากโรงงานเหล็ก อซอฟตาล ในเมืองมาริอูโพล ยอมวางอาวุธและจำนนต่อกองทัพรัสเซียเพิ่มขึ้นอีกจนทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นมาเป็น 1,730 คนแล้ว
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ล่าสุดว่า ทางทีมงานได้เริ่มทำการลงทะเบียนนักรบยูเครนที่ยึดโรงงานเหล็กดังกล่าวเป็นฐานที่มั่นมาหลายสัปดาห์ ซึ่งตัดสินใจยอมวางอาวุธและเดินทางออกจาก อซอฟตาล มาตั้งแต่วันอังคารแล้ว
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า “ICRC ไม่ได้ทำการเคลื่อนย้ายเชลยศึก (Prisoner of War – POW) ไปยังสถานที่ที่ถูกคุมตัวอยู่” และว่า “กระบวนการลงทะเบียนที่ ICRC ดำเนินการนั้น เปิดโอกาสให้แต่ละบุคคลกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ วันเกิด และชื่อของญาติที่ใกล้ชิดที่สุด ลงในแบบฟอร์ม โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ ICRC ติดตามผู้ที่ถูกจับกุมไปและอำนวยความสะดวกให้บุคคลเหล่านั้นติดต่อสื่อสารกับครอบครัวได้เสมอ”
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝั่งยูเครนยังไม่ได้ยืนยันตัวเลขที่ฝั่งรัสเซียประกาศออกมา แต่ทางการก็แสดงความหวังว่า ทหารเหล่านั้นจะได้เข้าสู่กระบวนการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษกับรัสเซีย ขณะที่ หน่วยงานสืบสวนหลักของรัสเซียเปิดเผยว่า ตนมีแผนจะสอบปากคำเชลยทุกคนเพื่อประเมินว่า ผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมต่อพลเรือนหรือไม่เสียก่อน
การยึดเมืองมาริอูโพล ซึ่งมีประชากร 430,000 คนก่อนสงครามครั้งนี้ จะถือเป็นชัยชนะที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย หลังจากที่ต่อสู่กับยูเครนเป็นเวลาราว 3 เดือนแล้ว
และในช่วงที่รัสเซียส่งสรรพกำลังไปยังพื้นที่แคว้นดอนบาสทางตะวันออกของประเทศอยู่นี้ มิไคโล โพโดลยัก ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมการเจรจากับรัสเซียมาตลอด กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า การตกลงหยุดยิงกับรัสเซียนั้น “เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากปราศจากการถอนทัพอย่างสมบูรณ์ของทหารรัสเซีย”
โพโดลยัก ยังทวีตข้อความออกมาด้วยว่า “จนกว่ารัสเซียจะพร้อมปลดปล่อยอาณาเขตที่ตนเข้ายึดครองเป็นอิสระ ทีมงานเจรจาของเราก็จะยังคงเป็น อาวุธ มาตรการลงโทษและเงิน (ต่อไป)
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รายหนึ่งเปิดเผยว่า รัสเซียกำลังทำการ “คืบหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปในทิศทางที่มุ่งไปยังทะเลดำ” ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองเคอร์ซอนและเมืองมิโคลายิพ รวมทั้งเขตปกครองดอแนตสก์ด้วย แต่ความคืบหน้าดังกล่าวนั้น “เป็นไปอย่างค่อนข้างจำกัด ... คืออาจเป็นวันละไม่กี่กิโลเมตร” ขณะที่ การโจมตีจากฝั่งรัสเซียนั้นก็มีขนาดเล็กลงและเน้นเฉพาะจุดในพื้นที่หนึ่ง ๆ เป็นหลัก
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังกล่าวด้วยว่า รัสเซียยังคงมีปัญหาด้านโลจิสติกส์อยู่ โดยระบุว่า “พวกเขา (กองทัพรัสเซีย) ยังไม่ได้แก้ไขปัญหาด้านการประสานงานระหว่างกัน ... การสื่อสารระหว่างผู้บัญชาการทั้งหลายก็ยังคงไม่มีประสิทธิภาพเท่าใด”
ทางฝ่ายยูเครนนั้น ทางการได้ออกมาแสดงความยินดีต่อการที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติยืนยันการแต่งตั้ง บริดเจท บริงค์ เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ คนใหม่มาประจำที่ยูเครน หลังจากตำแหน่งดังกล่าวว่างลงมาตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บีบให้อดีตเอกอัครราชทูต มารี โยวาโนวิทช์ ออกจากตำแหน่ง
การยืนยันการแต่งตั้งทูตคนใหม่ของสหรัฐฯ นี้เกิดขึ้นขณะที่ รัฐบาลกรุงวอชิงตันดำเนินการเปิดสถานทูตในกรุงเคียฟขึ้นมาอีกครั้ง เช่นเดียวกันนานาประเทศที่เริ่มทำการดังกล่าว หลังกองทัพรัสเซียถอนกำลังออกจากพื้นที่เมืองหลวงของยูเครน
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์