ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นคุกคามชีวิตผู้คนหลายร้อยล้านคน

Residents of the fishing community of al Max say sea rising sea levels are weakening the soil and foundations of their homes, forcing some to evacuate to other parts of the city.

CNN มีรายงานของนักวิจัยซึ่งชี้ว่าประชากรหลายร้อยล้านคนทั่วโลกเสี่ยงต่อการสูญเสียบ้านเรือน จากการที่เมืองทั้งเมืองอาจต้องจมอยู่ใต้น้ำทะเลที่กำลังสูงขึ้นในอีกสามทศวรรษข้างหน้า

การค้นพบที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสาร Nature Communications เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาระบุว่า ข้อมูลจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าสำหรับการสร้างแบบจำลองระดับความสูงน้ำทะเลแสดงให้เห็นว่าระดับน้ำทะเลที่กำลังสูงขึ้นนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในบริเวณชายฝั่งทะเล มีความเสี่ยงต่อ การเกิดน้ำท่วมมากกว่าที่คาดคิดไว้ถึงสามเท่า

ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้นระหว่าง 2-7 ฟุต (0.6 เมตรถึง 2.1 เมตร) และอาจจะสูงกว่านั้นในช่วงศตวรรษที่ 21 นี้ และภายในปีพ.ศ. 2593 ผืนดินซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ตั้ง ของบ้านเรือนประชากรราว 300 ล้านคนจะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำท่วมชายฝั่งเฉลี่ยต่อปี ซึ่งหมายถึงว่า ผู้คนเหล่านั้นอาจต้องประสบอุทกภัยครั้งใหญ่อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และภายในปีพ.ศ. 2643 ผืนดินซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านเรือนประชากรราว 200 ล้านคนอาจอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำขึ้นอย่างถาวร

Benjamin Strauss หนึ่งในผู้เขียนรายงานการศึกษา และเป็น CEO ขององค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร Climate Central กล่าวว่าผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่บนพื้นที่ที่มีความ เสี่ยงมากกว่าที่เคยคิดไว้ และกล่าวเสริมว่าพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ จำเป็นต้องดำเนิน การในทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจและมวลมนุษยชาติ

นอกจากนี้รายงานยังพบว่าเมืองตามชายฝั่งทั้งหมดอาจจมอยู่ใต้บาดาล หากไม่มีการป้องกัน ทางทะเลที่ดีพอ โดยประชาชน 70% ที่เสี่ยงประสบภัยน้ำท่วมประจำปีและน้ำท่วมถาวร อาศัยอยู่ใน 8 ประเทศในเอเชีย ซึ่งได้แก่ จีน บังคลาเทศ อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น

รายงานของ Climate Central ชี้ว่าเมืองใหญ่ของจีนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำมีความเปราะบางเป็นพิเศษ ซึ่งได้แก่เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และฮ่องกง ส่วนเมืองอื่นๆ ในเอเชียที่เสี่ยงน้ำท่วม ได้แก่ กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม กรุงธากา เมืองหลวงของบังคลาเทศ และเมืองโกลกาตา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของอินเดีย

และบริเวณส่วนปลายๆ ทางทิศใต้ของเวียดนามทั้งหมด อาจถูกน้ำท่วมตามการคาดการณ์ขององค์กร Climate Central

ข้อมูลจากองค์กรนี้ยังชี้ว่า ไม่ใช่แค่เอเชียเท่านั้นที่ประสบปัญหานี้ ประเทศอื่น ๆ อีก 19 ประเทศ รวมทั้งบราซิลและอังกฤษ อาจมีผืนดินที่ทรุดตัวลงอย่างถาวรจนต่ำกว่าแนวระดับน้ำขึ้นภายใน ปีพ.ศ. 2643 นี้

อย่างไรก็ดี ระดับน้ำในมหาสมุทรที่สูงขึ้นนี้เป็นภัยพิบัติสำหรับผู้อยู่อาศัยในบริเวณชายฝั่ง ซึ่งอาจถูกกวาดต้อนจนทำให้พลัดถิ่นฐาน หมู่เกาะแปซิฟิกทั้งหมดอาจจมอยู่ใต้บาดาล จนทำให้มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่อาจไม่มีที่ไป

พวกเขาจะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นบรรดาประเทศอุตสาหกรรมจึง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ที่พักพิงแก่คนเหล่านั้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ทั้งนี้ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นนั้นส่งผลให้อุณหภูมิโลกอุ่นขึ้น ทำให้เกษตรกรต้องเปลี่ยนแปลงชนิด ของพืชผลที่จะสามารถปลูกได้ ซึ่งหมายถึงการที่ประชากรหลายล้านคนอาจต้องประสบปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม เกิดวิกฤติการณ์ด้านสุขภาพ ตลอดจนเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบ เศรษฐกิจโลกอีกด้วย