ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ อ่อนตัวลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน

ห้างวอลมาร์ทในรัฐเพนซิลเวเนีย

ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน โดยการซื้อยานยนต์และสินค้าที่เกี่ยวกับงานอดิเรกมีมูลค้าน้อยลง

ระดับการลดลงอยู่ที่ 0.1% อ้างอิงตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ขณะที่นักวิเคราะห์ที่รอยเตอร์ทำสำรวจประเมินก่อนหน้านี้ว่าจะอ่อนตัวลง 0.3%

สถิติค้าปลีกเดือนตุลาคมชี้ให้เห็นความต้องการสินค้าที่ชะลอลง ในช่วงต้นของไตรมาสที่ 4 ของปี ทิศทางดังกล่าวทำให้เกิดความคาดเดามากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด น่าจะขึ้นดอกเบี้ยเพียงพอเเล้ว ตามรายงานของรอยเตอร์

ตัวเลขที่สะท้อนทิศทางดังกล่าวยังมาจาก 'ราคาผู้ผลิต' เดือนตุลาคมที่ลดลงหนักที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ท่ามกลางราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง

ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน รายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชี้ด้วยว่าดัชนีราคาผู้บริโภคไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนที่เเล้ว ถือว่าเป็นตัวเลขเงินเฟ้อรายเดือนที่นิ่งครั้งเเรกในรอบกว่า 1 ปี

นักวิเคราะห์กล่าวว่า หากพิจารณาถึงภาคเเรงงานที่ลดความร้อนเเรงลงเช่นกัน สถานการณ์ทางเศรษฐกิจตอนนี้อาจบ่งชี้ว่าวงรอบการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้จบลงแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไม่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยยอดค้าปลีกที่ลดลงยังไม่รุนเเรงเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และก่อนหน้านี้ ยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้นสูงมากเป็นเวลาสามเดือนติดต่อกัน

ลิเดีย โบสซัวร์ นักวิเคราะห์อาวุโสแห่ง EY-Parthenon ที่นิวยอร์ก กล่าวว่า แม้เฟดไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก แต่เธอเองก็ไม่คิดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้

เธอจึงเห็นว่า เฟดน่าจะคงดอกเบี้ยในระดับเดิมไปอีกนานพอสมควร

นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ยอดค้าปลีกลดลงในเดือนที่เเล้วคือการที่สินค้ายานยนต์มีน้อยลงเนื่องจากการผละงานประท้วงของสหภาพเเรงงาน United Auto Workers ที่เพิ่งจบลง

  • ที่มา: รอยเตอร์