เมื่อวันศุกร์ มีรายงานว่ากลุ่มตาลิบันสังหารผู้คนแบบพุ่งเป้ามากขึ้น จนเกิดความกังวลว่าอัฟกานิสถานอาจตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบกดขี่ดังเช่นเมื่อครั้งที่ตาลิบันเคยขึ้นเป็นรัฐบาลก่อนหน้านี้ แม้ว่าทางกลุ่มจะให้อิหม่ามตามมัสยิดต่างๆ เทศนาคำสอนถึงความสมานฉันท์ในช่วงพิธีสวดมนต์ประจำสัปดาห์ก็ตาม ตามรายงานของสำนักข่าว The Associated Press
ชาวอัฟกันหลายพันคนยังคงรุดหน้าไปยังสนามบินและชายแดนเพื่ออพยพ เนื่องจากหวั่นเกรงถึงอนาคตของพวกเขาภายใต้การปกครองของกลุ่มตาลิบัน ชาวอัฟกันอีกจำนวนหนึ่งประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจตามท้องถนนก่อนจะถูกกลุ่มตาลิบันสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างพยานในเหตุการณ์ว่า เมื่อวันพุธ นักรบตาลิบันยิงปืนขึ้นฟ้าและใช้ไม้กระบองทุบตีผู้คนในเมืองจาลาลาบัด ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงพยายามปลดธงตาลิบันลงมาและชักธงชาติอัฟกานิสถานขึ้นไปแทน โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสามคนและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ในขณะที่กลุ่มตาลิบันไม่ให้ความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว
กลุ่มตาลิบันระบุว่า นโยบายของพวกเขาจะเป็นไปในทางสายกลางมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ทางกลุ่มเคยขึ้นเป็นรัฐบาลเมื่อปลายทศวรรษที่ 1990 พวกเขายังสัญญาว่าจะฟื้นฟูความมั่นคงของประเทศ และให้อภัยผู้ที่เคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามในช่วงสงคราม 20 ผู้นำกลุ่มตาลิบันยังเตือนให้เหล่าอิหม่ามเทศนาถึงความสมานฉันท์และขอให้ผู้คนไม่อพยพออกนอกประเทศ
อย่างไรก็ตาม ชาวอัฟกันจำนวนมากไม่เชื่อมั่นในคำกล่าวอ้างดังกล่าว พวกเขากังวลว่าการปกครองของตาลิบันจะทำให้สิทธิด้านต่างๆ เสื่อมถอยลง โดยเฉพาะสิทธิสตรีที่ก้าวหน้าขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
รายงานขององค์กร Amnesty International ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ รายงานโดยอ้างพยานในพื้นที่ว่า กลุ่มตาลิบันสังหารชายชาวฮาซาราเก้าคนในหมู่บ้านมุนดารัค จังหวัดกัซนี เมื่อช่วงวันที่ 4-6 กรกฎาคม โดยชายหกคนถูกยิงเสียชีวิต และอีกสามคนถูกทรมานจนเสียชีวิต ทั้งนี้ ชาวฮาซาราเป็นชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่เคยถูกกลุ่มตาลิบันกดขี่มาก่อน และยังเป็นกลุ่มที่ได้รับการศึกษาและสถานภาพทางสังคมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
Amnesty International ยังเตือนด้วยว่า อาจมีการสังหารอีกหลายครั้งที่ไม่ถูกรายงานเนื่องจากกลุ่มตาลิบันตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือในหลายพื้นที่ที่พวกเขายึดครอง
นอกจากนี้ องค์กร Reporters without Borders ยังแสดงความกังวลต่อรายงานข่าวที่นักรบตาลิบันสังหารสมาชิกครอบครัวของผู้สื่อข่าวชาวอัฟกันของสำนักข่าว Deutsche Welle เมื่อวันพุธ
สำนักข่าวของเยอรมนีแห่งนี้ระบุว่า นักรบตาลิบันบุกค้นบ้านแต่ละหลังเพื่อค้นหาตัวผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว อย่างไรก็ตามผู้ สื่อข่าวรายนี้ได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมนีแล้ว ทาง Deutsche Welle ยังระบุด้วยว่า กลุ่มตาลิบบันยังบุกบ้านของผู้สื่อข่าวในสังกัดอีกสามคน
ขณะเดียวกัน องค์กรข่าวกรองเอกชน RHIPTO Norwegian Center for Global Analyses ซึ่งทำงานให้กับสหประขาชาติ ระบุว่า ทางองค์กรได้หลักฐานว่ากลุ่มตาลิบันไล่ล่าชาวอัฟกันที่ทางกลุ่มเชื่อว่ามีบทบาทสำคัญในรัฐบาลอัฟกันที่ถูกโคนอำนาจ หรือในกองกำลังที่นำโดยสหรัฐฯ
คริสเตียน เนลล์แมนน์ ผู้อำนวยการบริหารของ RHIPTO กล่าวผ่านทางอีเมลว่า องค์กรทราบว่าจดหมายข่มขู่ถูกส่งไปยังชาวอัฟกันจำนวนหนึ่ง รวมถึงชายคนหนึ่งที่ถูกกลุ่มตาลิบันนำตัวออกมาจากอพาร์ทเมนท์ของเขาในกรุงคาบูลในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว The Associated Press ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคำกล่าวอ้างเรื่องจดหมายดังกล่าวนี้เป็นจริงหรือไม่
ทั้งนี้ ในช่วงการปกครองของรัฐบาลตาลิบันครั้งก่อน ผู้หญิงต้องอยู่แต่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ผู้คนไม่สมารถเข้าถึงโทรทัศน์และเพลงได้ มีการประหารในที่สาธารณะเป็นระยะ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า รายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เป็นเพราะกลุ่มตาลิบันพูดอย่างทำอย่างหรือเป็นเพราะทางกลุ่มยังไม่สามารถควบคุมกองกำลังของตนเองอย่างเต็มที่เนื่องจากการยึดประเทศครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น มีรายงานว่านักรบตาลิบันรับปากกับสำนักข่าวหลายแห่งในกรุงคาบูลว่าเหตุการณ์จะเป็นไปอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ก็มีรายงานว่าพวกเขาคุกคามเจ้าของธุรกิจในกรุงคาบูลด้วยเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กำลังเผชิญความท้าทายในการอพยพชาวอเมริกันและพันธมิตรชาวอัฟกันหลายพันคนออกจากอัฟกานิสถาน ประเทศยุโรปหลายประเทศก็ดำเนินการอพยพพลเมืองและผู้ที่ทำงานให้ตนออกมาเช่นกัน เช่น เยอรมนีส่งเฮลิคอปเตอร์สองลำไปยังกรุงคาบูลเพื่อช่วยลำเลียงผู้คนไปยังสนามบิน
ทางด้านแกนนำกลุ่มตาลิบันก็หารือกับเจ้าหน้าที่บางส่วนของรัฐบาลอัฟกันที่ถูกโค่นอำนาจ โดยเจ้าหน้าที่อัฟกันที่ขอสงวนชื่อรายหนึ่งระบุว่า จะยังไม่มีความคืบหน้าจนกว่ากองกำลังสหรัฐฯ ชุดสุดท้ายจะออกจากประเทศ โดยขณะนี้มีกำหนดการในวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกลุ่มตาลิบันและสหรัฐฯ ว่าจะทางกลุ่มจะไม่ดำเนินการใดๆ ก่อนวันดังกล่าว
(ที่มา: สำนักข่าว The Associated Press, สำนักข่าว Reuters)