"คิวแอนอน" (QAnon) ทฤษฎีสมคบคิดที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก

A protesters holds a Q sign waits in line with others to enter a campaign rally with President Donald Trump in Wilkes-Barre, Pa. (AP Photo/Matt Rourke, File)

ทฤษฎีสมคบคิด "คิวแอนอน" (QAnon) เคยเป็นสิ่งที่อยู่ชายขอบ และเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในอเมริกาเท่านั้น แต่ปัจจุบันทฤษฎีสมคบคิดดังกล่าวได้แผ่ขยายไปหลายประเทศทั่วโลก และเป็นปรากฎการณ์นานาชาติไปแล้ว

แกนหลักของ "คิวแอนอน" คือ แนวคิดขวาจัดที่ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์​ ทรัมป์ กำลังต่อสู้ทำสงครามอย่างลับ ๆ กับ "ดีพ สเตท" (deep state) ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกเครือข่ายของข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องการล้มล้างผู้นำสหรัฐฯ คนนี้ "คิวแอนอน" ยังเชื่อด้วยว่า "ดีพ สเตท" เกี่ยวโยงกับเครือข่ายค้าประเวณีเด็กอีกด้วย

สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ FBI ได้ระบุว่า QAnon อาจจะเป็นภัยคุกคามในประเทศอย่างหนึ่ง หลังจากเกิดความกังวลว่าผู้ที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดนี้อาจก่อการร้ายภายในประเทศได้

ชื่อ Q มาจากไหน

ชื่อ QAnon นี้ ตัว Q มาจากตัวตนหนึ่งในโลกออนไลน์​ที่อ้างว่า เขาหรือเธอเป็นคนระดับสูงในรัฐบาล สูงพอที่จะรู้การเคลื่อนไหวและการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ โดย Q เริ่มโพสท์ในเว็บบอร์ด 4chan เมื่อสามปีก่อน โดยในตอนนั้น เขาทำนายว่า นางฮิลลารี คลินตัน อดีตคู่แข่งลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ จะถูกจับ และจะเกิดการจลาจลไปทั่ว ซึ่งคำทำนายนี้ไม่เป็นความจริง เช่นเดียวกับคำทำนายอื่น ๆ ของ Q หลังจากนั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ Q หยุดโพสท์เรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการที่ทรัมป์กำลังทำสงครามลับกับกลุ่มสมาชิกพรรคเดโมแครตที่ค้าประเวณีเด็กจากใต้ถุนร้ายพิซซ่าแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน เป็นต้น

ถึงจะมีการคาดเดาไปต่าง ๆ นานา แต่ยังไม่มีใครสามารถเปิดเผยได้ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังคนที่ใช้ชื่อว่า Q นี้คือใคร หลายคนไม่เชื่อว่า Q เป็นคนระดับสูงในรัฐบาลตามที่อ้าง ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง Q หลายคน

QAnon

ระบาดไปแล้วทั่วโลก

ทฤษฎีสมคบคิด "คิวแอนอน" ไม่ได้จำกัดอยู่ในสหรัฐฯ ประเทศเดียวอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปแล้ว 71 ประเทศทั่วโลก จากการศึกษาของ มาร์ค อังเดร อาร์เจนทิโน นักศึกษาปริญญาเอกแห่งมหาวิทยาลัยคอนคอร์เดีย ประเทศแคนาดา

เยอรมนี เป็นประเทศที่สองรองจากอเมริกา ที่มีผู้เข้าร่วมและติดตาม "คิวแอนอน" มากที่สุดในต่างประเทศ คนเหล่านี้ใช้แอพพลิเคชัน Telegram ส่งข้อความถึงกัน และมีสมาชิกกว่า 120,000 คน

อาร์เจนทิโน กล่าวว่า ผู้สนับสนุน "คิวแอนอน" มีอยู่ตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น เฟสบุ้ค ทวิตเตอร์ ยูทูป และเทเลแกรม ในแต่ละวัน มีคนประมาณ 300,000-400,000 คน โพสท์ข้อความในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิดนี้

คนที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิดเหล่านี้ มักจะเชื่อว่า deep state มีอยู่จริง แต่บางคนปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้บูชา ปธน.ทรัมป์

ส่วนทรัมป์เองไม่ได้ออกมาให้การสนับสนุนคิวแอนอนอย่างออกนอกหน้า แต่ผู้นำสหรัฐฯ เองก็ดูยินดีที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทฤษฎีสมคบคิดนี้ และมีการรีทวีตข้อความจากบัญชีทวิตเตอร์ที่เกี่ยวกับคิวแอนอนบ่อยครั้ง

นอกจากนี้ เชื่อกันว่า มาจอรี เทย์เลอร์ กรีน นักธุรกิจหญิงรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนทฤษฎีสมคบคิดคิวแอนอน จะชนะการเลือกตั้งและได้รับเลือกเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อมาทำงานในกรุงวอชิงตัน หลังจากการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้

Romanian supporters of QAnon shout slogans against the government's measures to prevent the spread of the COVID-19 infections, like wearing a face mask, during a rally in Bucharest, Romania, Monday, Aug. 10, 2020.

"คิวแอนอน" กับ โควิด-19

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ทฤษฎีสมคบคิดมักจะแพร่กระจายได้เร็วในช่วงเวลาวิกฤติ ความวิตกกังวล ความรุ่มร้อนใจ ทำให้คนทั่วโลกไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยว หรือหาคำตอบให้กับสิ่ิงที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับในเวลานี้ที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ที่สร้างความท้าทายให้ผู้นำหลายประเทศ

ผู้ติดตามคิวแอนอนได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่มีการระบาดของโควิด-19 กลุ่มผู้ติดตามในเฟสบุ้คเพิ่มขึ้น 800% เป็น 1.7 ล้านคน ส่วนทวิตเตอร์ที่มีการพูดถึงคิวแอนอนเพิ่มขึ้น 85%

ล่าสุด Q ได้กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการช่วยให้ อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน คู่แข่งของทรัมป์ในศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง ไม่ต้องปรากฎตัวในที่สาธารณะ และเพื่อจะสกัดไม่ให้ผู้สนับสนุนทรัมป์ออกมาเคลื่อนไหว เป็นต้น

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ผู้สนับสนุนคิวแอนอนในประเทศบราซิลได้เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน บราซิลเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่าหนึ่งแสนคน

ที่ผ่านมา เฟสบุ้ค และทวิตเตอร์ ได้ลบบัญชีและข้อความบางส่วนที่เกี่ยวกับคิวแอนอน แต่ผู้เชี่ยวชาญไม่เชื่อว่าการลบบัญชีของคนเหล่านี้จะทำให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มยุติลง เพราะยิ่งมีการห้ามหรือลบกลุ่มเหล่านี้บนโซเชียลมีเดียมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะทำให้พวกเขาเชื่อยิ่งไปอีกว่า พวกเขากำลังทำสงครามข้อมูลกับสื่อและ deep state อยู่