นิตยสาร Time ประกาศว่าได้เลือกพระสันตะปาปา Francis ให้เป็น 2013 Person of the Year หรือบุคคลแห่งปี ค.ศ. 2013
พระสันตะปาปา Francis ทรงเข้ารับตำแหน่งต่อจากพระสันตะปาปา Benedict ที่ 16 ซึ่งลาออกจากตำแหน่งไปอย่างกระทันหัน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และภายในเวลาราวๆ 9 เดือน Nancy Gibbs กรรมการผู้จัดการของนิตยสาร Time กล่าวว่า พระสันตะปาปา Francis ได้ทรงกลายมาเป็นเสียงแห่งมโนธรรม รวมทั้งมีสถานภาพเทียบเท่ากับนักร้องเพลงร็อคชื่อดังของโลก เมื่อมีชาวบราซิลมากกว่าสามล้านคนไปชุมนุมกันที่หาด Copacabana ในนคร Rio de Janeiro รอรับฟังคำปราศัยของพระองค์ในฤดูร้อนที่ผ่านมา และเวลานี้ในอิตาลี ชื่อ Francesco เป็นชื่อที่บิดามารดานิยมตั้งให้ลูกชายมากเป็นอันดับที่หนึ่ง
Nancy Gibbs กรรมการผู้จัดการของนิตยสาร Time บอกว่าแม้คำสอนของพระสันตะปาปา Francis จะมิได้เปลี่ยนไปจากที่ชาวโรมัน แคธอลิกเคยได้รับฟังกันมา แต่น้ำเสียงและเป้าหมายเปลี่ยนไป โดยแทนการทำสงครามทางวัฒนธรรม พระสันตปาปา Francis ทรงเปรียบไว้ว่า โบสถ์ หรือศาสนาคือโรงพยาบาลสนาม และหน้าที่ของศาสนา คือการรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ
ในช่วงเวลาประมาณ 9 เดือนที่พระสันตะปาปา Francis ทรงงานมา ชาวโรมันแคธอลิกและผู้คนทั่วโลก ได้รับฟังความเห็นของพระองค์ในเรื่องความมั่งมีควบคู่กับความยากจน ความเป็นธรรมกับความยุติธรรม ความโปร่งใส โลกสมัยใหม่ โลกาภิวัฒน์ บทบาทของผู้หญิง รูปแบบของการแต่งงาน และความเย้ายวนใจของอำนาจ
สำหรับผู้ที่ยังสงสัยว่า พระสันตะปาปา Francis จะทรงทำอะไรได้บ้าง ในเมื่อพระองค์ทรงเผชิญกับปัญหารุมเร้าหลายด้าน รวมทั้งความอื้อฉาวและความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ ภายในกรุงวาติกัน ปัญหาคอร์รับชั่น การมีพระที่จะส่งออกไปทำงานได้น้อยลง และแนวคิดใหม่ๆ ในเรื่องการหย่าร้างและการคุมกำเนิด เหล่านี้เป็นต้น
Nancy Gibbs กรรมการผู้จัดการของนิตยสาร Time บอกว่า ผู้นำคนใหม่ของชาวโรมันแคธอลิก ซึ่งมีสมาชิกราวๆ หนึ่งพันสองร้อยล้านคนทั่วโลก ทรงประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนน้ำเสียงและความรู้สึก โดยไม่ได้ทรงเปลี่ยนแปลงหลักสำคัญของคำสอน เช่น ผู้ชายเท่านั้นที่จะบวชเป็นพระได้ การทำแท้งยังเป็นเรื่องต้องห้าม และการแต่งงานก็ยังเป็นเรื่องระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายตามคำสอนอยู่ต่อไป
Nancy Gibbs กรรมการผู้จัดการของนิตยสาร Time สรุปลงท้ายว่า พระสันตะปาปา Francis ได้ทรงนำความเป็นผู้นำทางศาสนาออกจากวังในกรุงวาติกันไปสู่ชาวบ้าน ทรงผลักดันให้ชาวโรมันแคธอลิกหันมาเผชิญหน้ากับประเด็นสำคัญๆ ที่ควรให้ความสนใจ และใช้ความเมตตาสร้างความสมดุลให้กับการตัดสินใจของตน
ทั้งหมดนี้ทำให้นิตยสาร Time เลือกพระสันตะปาปา Francis เป็นบุคคลแห่งปี ค.ศ. 2013 หรือ 2013 Person of the Year
พระสันตะปาปา Francis ทรงเข้ารับตำแหน่งต่อจากพระสันตะปาปา Benedict ที่ 16 ซึ่งลาออกจากตำแหน่งไปอย่างกระทันหัน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และภายในเวลาราวๆ 9 เดือน Nancy Gibbs กรรมการผู้จัดการของนิตยสาร Time กล่าวว่า พระสันตะปาปา Francis ได้ทรงกลายมาเป็นเสียงแห่งมโนธรรม รวมทั้งมีสถานภาพเทียบเท่ากับนักร้องเพลงร็อคชื่อดังของโลก เมื่อมีชาวบราซิลมากกว่าสามล้านคนไปชุมนุมกันที่หาด Copacabana ในนคร Rio de Janeiro รอรับฟังคำปราศัยของพระองค์ในฤดูร้อนที่ผ่านมา และเวลานี้ในอิตาลี ชื่อ Francesco เป็นชื่อที่บิดามารดานิยมตั้งให้ลูกชายมากเป็นอันดับที่หนึ่ง
Nancy Gibbs กรรมการผู้จัดการของนิตยสาร Time บอกว่าแม้คำสอนของพระสันตะปาปา Francis จะมิได้เปลี่ยนไปจากที่ชาวโรมัน แคธอลิกเคยได้รับฟังกันมา แต่น้ำเสียงและเป้าหมายเปลี่ยนไป โดยแทนการทำสงครามทางวัฒนธรรม พระสันตปาปา Francis ทรงเปรียบไว้ว่า โบสถ์ หรือศาสนาคือโรงพยาบาลสนาม และหน้าที่ของศาสนา คือการรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ
ในช่วงเวลาประมาณ 9 เดือนที่พระสันตะปาปา Francis ทรงงานมา ชาวโรมันแคธอลิกและผู้คนทั่วโลก ได้รับฟังความเห็นของพระองค์ในเรื่องความมั่งมีควบคู่กับความยากจน ความเป็นธรรมกับความยุติธรรม ความโปร่งใส โลกสมัยใหม่ โลกาภิวัฒน์ บทบาทของผู้หญิง รูปแบบของการแต่งงาน และความเย้ายวนใจของอำนาจ
สำหรับผู้ที่ยังสงสัยว่า พระสันตะปาปา Francis จะทรงทำอะไรได้บ้าง ในเมื่อพระองค์ทรงเผชิญกับปัญหารุมเร้าหลายด้าน รวมทั้งความอื้อฉาวและความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ ภายในกรุงวาติกัน ปัญหาคอร์รับชั่น การมีพระที่จะส่งออกไปทำงานได้น้อยลง และแนวคิดใหม่ๆ ในเรื่องการหย่าร้างและการคุมกำเนิด เหล่านี้เป็นต้น
Nancy Gibbs กรรมการผู้จัดการของนิตยสาร Time บอกว่า ผู้นำคนใหม่ของชาวโรมันแคธอลิก ซึ่งมีสมาชิกราวๆ หนึ่งพันสองร้อยล้านคนทั่วโลก ทรงประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนน้ำเสียงและความรู้สึก โดยไม่ได้ทรงเปลี่ยนแปลงหลักสำคัญของคำสอน เช่น ผู้ชายเท่านั้นที่จะบวชเป็นพระได้ การทำแท้งยังเป็นเรื่องต้องห้าม และการแต่งงานก็ยังเป็นเรื่องระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายตามคำสอนอยู่ต่อไป
Nancy Gibbs กรรมการผู้จัดการของนิตยสาร Time สรุปลงท้ายว่า พระสันตะปาปา Francis ได้ทรงนำความเป็นผู้นำทางศาสนาออกจากวังในกรุงวาติกันไปสู่ชาวบ้าน ทรงผลักดันให้ชาวโรมันแคธอลิกหันมาเผชิญหน้ากับประเด็นสำคัญๆ ที่ควรให้ความสนใจ และใช้ความเมตตาสร้างความสมดุลให้กับการตัดสินใจของตน
ทั้งหมดนี้ทำให้นิตยสาร Time เลือกพระสันตะปาปา Francis เป็นบุคคลแห่งปี ค.ศ. 2013 หรือ 2013 Person of the Year