ข่าวลิง 43 ตัวที่หลุดจากห้องวิจัยในรัฐเซาธ์ แคโรไลนา เมื่อวันพุธที่ผ่านมาชวนให้นึกถึงหนังไซ-ไฟ แต่ทางตำรวจออกมาชี้แจงว่าลิงเหล่านั้น “แทบไม่เป็นอันตราย” กับสาธารณะ ตามการรายงานของเอพี
เกรกอรี อเล็กซานเดอร์ หัวหน้าตำรวจเมืองเยมัสซีกล่าวเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีว่าลิงเหล่านั้น “ไม่ได้ติดเชื้อโรคอะไรเลย พวกมันไม่มีพิษภัย และขี้ตกใจเล็กน้อย”
อเล็กซานเดอร์อธิบายว่า ฝูงลิงวอกหลบหนีออกมาจากสถานวิจัยทางการแพทย์ของบริษัทอัลฟ่าเจเนซิสเนื่องจากพนักงานไม่ได้ปิดกรงขังให้ดี โดยลิงเหล่านั้นเป็นเพศเมีย น้ำหนักราว 3 กก. ซึ่งยังมีอายุน้อยและยังไม่ได้ถูกนำไปทดลอง
แถลงการณ์ของตำรวจระบุว่าพนักงานของอัลฟ่าเจเนซิสกำลัง “ติดตามลิงเหล่านั้นและพยายามล่อพวกมันด้วยอาหาร”
นอกจากของกินล่อตาล่อใจแล้ว อัลฟาเจเนซิสยังติดตั้งกับดักและกล้องตรวจจับอุณหภูมิเพื่อนำตัวผู้หลบหนีกลับมาสู่พื้นที่ให้ได้
แม้ตำรวจยืนยันว่าลิงเหล่านี้ไม่เป็นอันตราย แต่ก็แนะนำประชาชนที่อยู่ในพื้นที่แล็บให้ปิดประตูและหน้าต่างเพื่อไม่ให้ลิงเข้าไปหลบซ่อนในบ้าน และติดต่อตำรวจเมื่อพบเห็นลิง เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่และบริษัทไปตามจับ
อัลฟ่าเจเนซิสเป็นผู้จัดส่งลิงสำหรับงานวิจัยให้กับผู้ที่ต้องการทั่วโลก ทั้งนี้บริษัทไม่ได้ตอบคำถามของเอพีในกรณีเหตุการณ์ลิงหลุดเมื่อวันพุธ
เมื่อปี 2018 เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสั่งปรับบริษัทดังกล่าวเป็นเงิน 12,600 ดอลลาร์ เนื่องจากมีลิงหลายสิบตัวหลบหนี รวมถึงปัญหาอื่น ๆ ด้านสภาพการอยู่อาศัยของลิง
เหตุการณ์ลิงหลุดครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของอัลฟ่าเจเนซิส เพราะเมื่อปี 2014 ก็มีลิงหลบหนีไป 26 ตัว และสองปีต่อมาก็มีอีก 19 ตัวที่หลุดหนีไปเช่นกัน
กลุ่มรณรงค์ด้านสวัสดิภาพสัตว์ ชื่อ Stop Animal Exploitation Now ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังกระทรวงการเกษตรสหรัฐฯ เรียกร้องให้ส่งคณะตรวจสอบไปยังอาคารของอัลฟ่าเจเนซิสเพื่อสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว และขอให้ตีสถานะของบริษัทนี้เป็นผู้กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กลุ่มรณรงค์นี้มีบทบาทในการทำให้อัลฟ่าเจเนซิสถูกสั่งปรับเมื่อปี 2018
ไมเคิล บัดคี ผู้อำนวยการบริหาร Stop Animal Exploitation Now ระบุในหนังสือร้องเรียนว่า “ความประมาทเลินเล่นอย่างเห็นได้ชัด ที่ทำให้ลิง 40 ตัวหนีไป ก่อดันตรายไม่เพียงต่อความปลอดภัยของสัตว์ แต่ยังทำให้ประชาชนของเซาธ์ แคโรไลนามีความเสี่ยงด้วย”
- ที่มา:เอพี