การศึกษาการละลายของแผ่นน้ำแข็งเป็นเรื่องยาก ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา การศึกษาเรื่องนี้หลายสิบการศึกษาได้ผลที่ขัดแย้งกันมาตลอด ขณะนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติได้รายงานผลการศึกษาชิ้นล่าสุดในวารสาร Science ที่ได้ข้อมูลใหม่ซึ่งยืนยันเรื่องการลดและเพิ่มของปริมาณน้ำเเข็งในขั้วโลกที่เกิดจากภาวะโลกร้อน
ศาสตราจารย์แอนดรู เช็ปเปิร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์โลก (Earth Science) แห่งมหาวิทยาลัย University of Leeds ในประเทศอังกฤษเป็นหัวหน้าการวิจัยเรื่องนี้ เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าทีมงานศึกษาประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจาก 25 สถาบันนานาชาติ พวกเขาทำงานร่วมกันในเวลาเดียวกันและในสถานที่เดียวกันหลายสถานที่ พวกเขาใช้วิธีการศึกษาหลายวิธีในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการละลายของแผ่นน้ำแข็งในขั้วโลก แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปเปรียบเทียบกัน
ศาสตราจารย์เช็ปเปิร์ดกล่าวว่าหลังจากวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ ทีมนักวิจัยพบว่าแผ่นน้ำแข็งต่างๆละลายในระดับต่างกันในเเต่ละเดือน ปริมาณการละลายของแผ่นน้ำแข็งที่พบในแอนตาร์กติกต่างจากปริมาณการละลายของแผ่นน้ำเเข็งในกรีนแลนด์ เขาคิดว่าการเปรียบเทียบข้อมูลที่แตกต่างกันมีความสำคัญมาก
ศาสตราจารย์เช็ปเปิร์ดกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าปริมาณน้ำแข็งที่ละลายหายไปจากแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์และในแอนตาร์กติกตั้งแต่ปีคริสตศักราช 1992 เมื่อรวมกันเเล้วอยู่ที่ราว 11 มิลลิเมตร วัดจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทั่วโลก ในปริมาณทั้งหมดนี้ ราว 2 ใน 3 หรืออาจจะถึง 3 ใน 4 เป็นปริมาณน้ำที่ละลายมาจากแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ ปริมาณที่เหลือมาจากแผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์ติก
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าปริมาณน้ำทะเลที่สูงขึ้น 11 มิลลิเมตรอาจจะฟังดูไม่มาก แต่เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำแข็งที่ละลายลงไปในทะเลในหลายสิบปีก่อนปีคริสตศักราช 1992 จะพบว่าการละลายของแผ่นน้ำเเข็งเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่าตัว
การศึกษานี้พบว่าแผ่นน้ำแข็งทั้งในขั้วโลกเหนือและใต้สูญเสียปริมาณน้ำแข็งลงไปเรื่อยๆ ยกเว้นในบริเวณแอนตาร์ติกตะวันออก ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ทำให้มีปริมาณหิมะมากกว่าจุดอื่นจึงช่วยทดแทนการละลายของแผ่นน้ำแข็ง
ด้านคุณเอียน โจอิน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์โลกที่มหาวิทยาลัย University of Washington กล่าวว่าข้อมูลที่ได้ในการศึกษานี้มีความสำคัญต่อการศึกษาลักษณะสภาวะอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงกับการพยากรณ์การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล เขากล่าวว่าปริมาณน้ำจากการละลายของแผ่นน้ำแข็งแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อไหลลงไปในทะเล จะไปเพิ่มความรุนแรงของพายุชายฝั่งเพราะจะทำให้น้ำทะเลเข้าท่วมพื้นที่แนวชาวฝั่งและเกาะสูงขึ้นกว่าเดิม
คุณโจอิน กล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเข้าใจว่าข้อมูลจากการศึกษานี้เกี่ยวข้องกับการละลายของแผ่นน้ำแข็งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศโลกจะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้และจะส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งละลายมากขึ้นกว่าเดิมไปตลอดศตวรรษนี้
ศาสตราจารย์แอนดรู เช็ปเปิร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์โลก (Earth Science) แห่งมหาวิทยาลัย University of Leeds ในประเทศอังกฤษเป็นหัวหน้าการวิจัยเรื่องนี้ เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าทีมงานศึกษาประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจาก 25 สถาบันนานาชาติ พวกเขาทำงานร่วมกันในเวลาเดียวกันและในสถานที่เดียวกันหลายสถานที่ พวกเขาใช้วิธีการศึกษาหลายวิธีในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการละลายของแผ่นน้ำแข็งในขั้วโลก แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปเปรียบเทียบกัน
ศาสตราจารย์เช็ปเปิร์ดกล่าวว่าหลังจากวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ ทีมนักวิจัยพบว่าแผ่นน้ำแข็งต่างๆละลายในระดับต่างกันในเเต่ละเดือน ปริมาณการละลายของแผ่นน้ำแข็งที่พบในแอนตาร์กติกต่างจากปริมาณการละลายของแผ่นน้ำเเข็งในกรีนแลนด์ เขาคิดว่าการเปรียบเทียบข้อมูลที่แตกต่างกันมีความสำคัญมาก
ศาสตราจารย์เช็ปเปิร์ดกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าปริมาณน้ำแข็งที่ละลายหายไปจากแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์และในแอนตาร์กติกตั้งแต่ปีคริสตศักราช 1992 เมื่อรวมกันเเล้วอยู่ที่ราว 11 มิลลิเมตร วัดจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทั่วโลก ในปริมาณทั้งหมดนี้ ราว 2 ใน 3 หรืออาจจะถึง 3 ใน 4 เป็นปริมาณน้ำที่ละลายมาจากแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ ปริมาณที่เหลือมาจากแผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์ติก
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าปริมาณน้ำทะเลที่สูงขึ้น 11 มิลลิเมตรอาจจะฟังดูไม่มาก แต่เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำแข็งที่ละลายลงไปในทะเลในหลายสิบปีก่อนปีคริสตศักราช 1992 จะพบว่าการละลายของแผ่นน้ำเเข็งเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่าตัว
การศึกษานี้พบว่าแผ่นน้ำแข็งทั้งในขั้วโลกเหนือและใต้สูญเสียปริมาณน้ำแข็งลงไปเรื่อยๆ ยกเว้นในบริเวณแอนตาร์ติกตะวันออก ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ทำให้มีปริมาณหิมะมากกว่าจุดอื่นจึงช่วยทดแทนการละลายของแผ่นน้ำแข็ง
ด้านคุณเอียน โจอิน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์โลกที่มหาวิทยาลัย University of Washington กล่าวว่าข้อมูลที่ได้ในการศึกษานี้มีความสำคัญต่อการศึกษาลักษณะสภาวะอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงกับการพยากรณ์การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล เขากล่าวว่าปริมาณน้ำจากการละลายของแผ่นน้ำแข็งแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อไหลลงไปในทะเล จะไปเพิ่มความรุนแรงของพายุชายฝั่งเพราะจะทำให้น้ำทะเลเข้าท่วมพื้นที่แนวชาวฝั่งและเกาะสูงขึ้นกว่าเดิม
คุณโจอิน กล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเข้าใจว่าข้อมูลจากการศึกษานี้เกี่ยวข้องกับการละลายของแผ่นน้ำแข็งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศโลกจะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้และจะส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งละลายมากขึ้นกว่าเดิมไปตลอดศตวรรษนี้