Your browser doesn’t support HTML5
โจฮานนา ไวท์คัมป์ ไวทยากรณ์ของวงออสเครสตร้าของบริษัท SAP บอกว่า บริษัทที่ต้องการการพัฒนารุดหน้าและความสำเร็จในยุคนี้ ต้องการความสามัคคีและความร่วมมือร่วมใจของผู้คนในบริษัทกันทั้งนั้น และไม่มีกิจกรรมไหนที่จะส่งเสริมความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้เท่ากับวงค์ออเครสตร้าอีกแล้ว เพราะการอยู่ในวงดนตรีจะต้องรู้จักการรับฟังและตอบสนองผู้อื่น การส่งผ่านและให้จังหวะกันและกัน ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับความร่วมมือในองค์กร
ไวทยากรณ์ โจฮานนา ไวท์คัมป์ จบการศึกษาจาก University of Music and Theatre ในเมือง Leipzig ก่อนจะคว้าปริญญาอีกใบด้านไอที เพื่อเข้าทำงานกับบริษัทไอที SAP เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เธอเห็นความน่าทึ่งที่นักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ระดับหัวกะทิจะสามารถเล่นดนตรีได้ เพราะเครื่องดนตรีเหล่านี้ต้องใช้ทักษะด้านศิลปะที่สูงมากทีเดียว
พนักงานของบริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติเยอรมัน SAP หันมาจับไวโอลิน เชลโล่ และทรอมโบนส์ เพื่อซ้อมบทเพลงออเครสตร้าของบริษัทหลังเลิกงานทุกวัน และนักดนตรีของที่นี่ มีทั้งนักบัญชี วิศวกร นักแปล และผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไอทีของบริษัท ที่ผันตัวมาเป็นนักดนตรีคลาสสิกมือสมัครเล่น และใช้ห้องซ้อมดนตรีนี้แลกเปลี่ยนทักษะทางดนตรีระหว่างกัน สำหรับคอนเสิร์ตการกุศลขององค์กร
ด้านแอนนา เมดินา พนักงานแผนกแปลของบริษัท ที่ร่วมเล่นไวโอลินกับวงออเครสตร้าของ SAP บอกว่าดนตรีช่วยพัฒนาทักษะรอบด้านที่ส่งเสริมการทำงานในทุกอาชีพ เช่น ความพยายาม และการบริหารจัดการเวลาระหว่างการฝึกเล่นเครื่องดนตรี
ขณะที่บริจิตต์ บีลห์ อาจารย์ด้านการสื่อสารและการบริหารสื่อของ Berlin University บอกว่า ออเครสตร้า คือ แหล่งสร้างทีมเวิร์คที่ดีขององค์กร เพราะช่วยเพิ่มการสื่อสารแบบอวจนภาษาและความเข้าอกเข้าใจกันในทีม ซึ่งดีกับการทำงานอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ มีหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีที่ใช้แนวทางออเครสตร้าสร้างทีมเวิร์คในองค์กรซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้ว เช่น สายการบินลุฟต์ฮันซา บริษัทซีเมนส์ เดมเลอร์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู และออดี-โฟลค์สวาเกน และเหตุผลสำคัญที่ชาวเยอรมนีเลือกใช้ออสเครสตร้าก็คือ เพลงคลาสสิกเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมของชาวเยอรมนี และพวกเขามีพื้นฐานด้านดนตรีคลาสสิกกันตั้งแต่เล็กๆนั่นเอง
แต่สำหรับผู้ที่ไม่ถนัดเรื่องเครื่องดนตรี อีกหนึ่งการวิจัยของ University of East Anglia ชี้ว่า การร้องเพลงประสานเสียง สามารถช่วยสร้างความสุข ลดภาวะความเครียดและทำให้ห่างไกลจากโรคซึมเศร้าได้
ทีมวิจัยจัดทำโครงการ Sing Your Heart Out ในเมืองนอร์ทโฟล์ค ประเทศอังกฤษ ทำห้องเรียนประสานเสียงของชุมชนมาเป็นเวลากว่า 12 ปี มีผู้เข้าร่วมโครงการ 120 คน และกว่า 2 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้ เคยต้องเข้ารับคำปรึกษาด้านสุขภาพจิต พบว่า หลังจากคนกลุ่มนี้เข้าร่วมวงร้องเพลงประสานเสียง หรือ Choir สามารถยกระดับหรือคงรักษาสุขภาพจิตที่ดีของพวกเขาไว้ได้ จากการร้องเพลงและเข้าสังคมกับผู้อื่น
อาจารย์ทอม เชคสเปียร์ หัวหน้าทีมวิจัยนี้ บอกว่า การร้องเพลงสามารถช่วยให้พวกเขาฟื้นตัวจากปัญหาสุขภาพจิตได้ เนื่องจากห้องเรียนร้องเพลงประสานเสียงนี้แทบไม่มีความเครียดหรือกดดันเหมือนกันวงประสานเสียงเพื่อการแสดง และไม่ใช่คลาสบำบัดเป็นกลุ่มที่ให้แต่ละคนออกมาระบายหรือถ่ายทอดเรื่องราวของตนเอง เพียงแต่เป็นการฝึกการใช้เสียง การร้องเพลงอย่างสนุกสนานและมีความสุขเท่านั้น ซึ่งช่วยให้ผู้ที่เข้าร่วมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของวง สร้างความมั่นใจ พัฒนาทักษะการเข้าสังคม และช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย