Your browser doesn’t support HTML5
ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ของฟิลิปปินส์ แสดงความเชื่อมั่นว่า ตนจะสามารถเข้ากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ดี แต่ก็จะไม่เปลี่ยนจุดยืนด้านความเป็นอิสระของนโยบายต่างประเทศ
และว่าฟิลิปปินส์ตั้งใจที่จะก้าวออกจากร่มเงาของสหรัฐฯ และขยายความสัมพันธ์ทางการทูตกับทั้งจีนและรัสเซีย
ทางด้านอาจารย์ Jaime FlorCruz ของมหาวิทยาลัย Peking University ก็มองว่า สิ่งที่ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้กำลังพยายามทำอยู่ คือแสดงให้ประเทศมหาอำนาจเห็นว่าฟิลิปปินส์ไม่ต้องพึ่งพาหรือเป็นส่วนต่อขยายของมหาอำนาจใดๆ และคิดว่าจะเป็นเรื่องดีตราบเท่าที่ข้อตกลงใดๆ ที่ฟิลิปปินส์ทำกับจีนหรือสหรัฐฯ นั้น ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ผูกติดอยู่
ส่วนนาย Ernesto Pernia รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ ชี้ว่าการกระจายการผูกมิตรจะเป็นผลดีต่อประเทศ เพื่อไม่ให้ฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบ หากมิตรประเทศรายใดที่ฟิลิปปินส์ต้องพึ่งพา เกิดปัญหาขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม บทบรรณาธิการของ นสพ. Philippine Daily Inquirer เตือนว่า ธุรกิจ outsource ซึ่งขณะนี้สร้างงานในฟิลิปปินส์ราวหนึ่งล้านสองแสนตำแหน่ง และสร้างรายได้ปีละกว่าสองหมื่นล้านดอลลาร์ อาจถูกกระทบกระเทือนได้จากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์
แต่นาย Carlos Dominguez รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฟิลิปปินส์ ให้ข้อคิดว่าอาจยังเร็วไปที่จะตัดสินผลกระทบระยะยาวจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะผู้สมัครรับเลือกตั้งกับประธานาธิบดีนั้น มักจะคิดและทำไม่เหมือนกัน
ส่วนนาย Earl Parreno แห่งสถาบัน Institute of Political and Electoral Reforms ก็เชื่อว่า ภาพการมองโลกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปลี่ยนไปเมื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากที่ได้รับข้อมูลและฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง และหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ แล้ว