หน่วยงานพัฒนาเอกชนในกรุงมะนิลาเปิดบริการพานักท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตคนเก็บขยะเลี้ยงชีพในจุดทิ้งขยะที่กรุงมะนิลาเพื่อสัมผัสว่าทำไมคนเหล่านี้จึงมีความสุขแม้จะยากจนแสนข็ญ
คุณ Nympha Flores เป็นทัวร์ไกด์ เธอกำลังพากลุ่มนักท่องเที่ยวเดินเท้าเข้าไปเยี่ยมชุมชนคนเก็บขยะที่อาศัยอยู่รอบๆจุดทิ้งขยะในเขตตอนโด้ ย่านที่ยากจนที่สุดในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ จุดทิ้งขยะขนาดใหญ่แห่งนี้กินพื้นที่ถึง 4.5 เฮคเตอร์ หรือราว 25 ไร่
ระหว่างเส้นทางเข้าไป มีทั้งรถบรรทุกและรถมอร์เตอร์ไซด์ ค่อยๆเคลื่อนตัวไปบนถนนที่เขรอะไปด้วยโคลนดำ กลิ่นขยะเหม็นเน่าคลุ้งไปทั่วบริเวณ ข้างทาง มีกระท่อมหลังคามุงสังกะสีตั้งเรียงรายเต็มไปหมด กระท่อมบางหลังเป็นร้านขายอาหารที่ประกอบเศษอาหารเหลือที่เก็บมาจากกองขยะที่นำกลับมาล้างแล้วปรุงกลับไปเป็นอาหารจานใหม่ บางกระท่อมเป็นร้านรับส่งขยะพลาสติกและขยะรีไซเคิ่ลที่ขุดคุ้ยมาจากกองขยะแล้วนำไปขายต่อ
คุณ Nympha Flores ทัวร์ไกด์คนเดิมบอกกับลูกทัวร์ว่าไม่ว่าคุณจะไปเยี่ยมเยือนแห่งหนตำบลใดในฟิลิปปินส์ คุณจะพบเห็นสนามบาสเก็ตบอลเกือบทุกที่
สนามบาสเก็ตบอลในชุมชนคนเก็บขยะแห่งนี้ได้รับการดูแลอย่างดี อีกฝากหนึ่งของสนาม มีถุงขยะรีไซเคิ่ลวางเรียงรายอยู่ เด็กชาย Jason Valderama อายุ 16 ปี กำลังยัดขวดพลาสติกลงไปในถุงเพื่อให้ได้น้ำหนักอย่างน้อยหนึ่งกิโลกรัมเพื่อนำไปขายในราคา 70 เซ็นส์สหรัฐหรือประมาณ 20 บาทไทย
เด็กชาย Jason Valderama กล่าวว่าการเก็บขยะไปขายเป็นอาชีพที่ลำบากแต่ไม่มีทางเลือกถ้าไม่เก็บขยะไปขายก็ไม่มีอะไรยาไส้
ครอบครัวของเด็กชาย Jason อาศัยในกระท่อมหลังหนึ่งติดกับสนามบาสเก็ตบอลแห่งนี้ เด็กชาย Jason ต้องออกจากโรงเรียนเพื่อช่วยครอบครัวทำมาหากินด้วยการเก็บขยะขาย ทั้งครอบครัวมีรายได้รวมกันแล้วประมาณ 3 ถึง 5 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวันหรือประมาณ 90 บาทถึง 150 บาท เด็กชาย Jason บอกว่าอยากกลับไปเรียนหนังสือต่อทางด้านคอมพิวเตอร์
แต่ในชุมชนคนเก็บขยะในตอนโด้แห่งนี้ เเม้แต่เด็กตัวเล็กๆก็ต้องช่วยครอบครัวทำมาหากินด้วยการเก็บขยะไปขาย พวกเขาต้องผจญกับสภาพเเวดล้อมที่เป็นอันตราย ในกองขยะมีทั้งเศษแก้วแตก ฝูงเเมลงวัน สิ่งปฏิกูล แก๊สมีเทนจากกองขยะเเละสิ่งที่เป็นอันตรายอื่นๆ เด็กๆต้องเก็บขยะท่ามกลางแดดร้อนจัดหรือท่ามกลางสายฝน คนเก็บขยะในชุมชนแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของคนฟิลิปปินส์มากกว่า 3 ล้านคนในเขตกรุงมะนิลาที่ไม่มีที่อยู่ทางไปรษณีย์อย่างเป็นทางการ
ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวค่อยๆเดินไปตามทางถนนในชุมชนคนเก็บขยะเเห่งนี้ พวกเขาได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากกระท่อมบางหลังเป็นพักๆ กลุ่มนักท่องเที่ยวพากันหยุดชมคนในร้านเหล้าร้องเพลงคลอตามเสียงเพลงที่ถูกใจ
คุณ Juliette Kwee ผู้จัดทัวร์ชี้ว่าเธอต้องการให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนเก็บขยะเเห่งนี้ เธอบอกว่าสำหรับคนที่อยู่ในฟิลิปปินส์มานานแล้ว อาจจะมองว่าขอทานเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเห็นคนนั่งขอทานตามข้างถนนเป็นประจำ หรือ อาจจะไม่แปลกใจหากพบหญิงชราคุ้ยตามถุงขยะ แต่หากมานั่งคิดดูให้รอบคอบ คุณจะเห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ
คุณ Kwee เคยเป็นจิตแพทย์ในประเทศเนเธอแลนด์ แต่หลังจากได้เยี่ยมชุมชนคนจนแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน เธอตัดสินใจร่วมมือกับหน่วยงานพัฒนาเอกชนท้องถิ่นในกรุงมานิลาเพื่อ เปิดบริการพานักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมชุมชนแห่งนี้เพราะเธอรู้สึกประทับใจที่คนจนเหล่านี้มีความสุขแม้ว่าจะยากจนแสนเข็ญ ทางโครงการว่าจ้างคนในชุมชนเป็นทัวร์ไกด์
คุณ Mari Ota ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยและทำงานในกรุงมะนิลาบอกว่าประสบการณ์จากการไปเยี่ยมชุมชนคนเก็บขยะตอนโด้ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป
คุณ Ota กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าเวลาไปซื้อของ เธอจะบอกตัวเองเสมอว่าไม่ควรซื้อของชิ้นใหญ่ เธอได้แรงบันดาลใจจากคนจนเหล่านี้ว่าความสุขไม่ได้มาจากสิ่งของนอกกาย
ด้านคุณ Kwee ยอมรับว่ามีเสียงวิจารณ์จากคนที่มองว่าการจัดทัวร์ไปดูชุมชนยากจนตอนโด้เป็นการเอาผลประโยชน์จากความยากลำบากและความยากจนของคนเหล่านี้โดยใช้เป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยว
เธอกล่าวว่าเห็นด้วยว่าไม่เหมาะสมที่เอาความยากจนมาเป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยวแต่เธอคิดว่าการได้เห็นและสัมผัสกับชีวิตคนจนในชุมชนรอบเขตทิ้งขยะก็เป็นประสบการณ์ที่มีคุณ
ด้านผู้ก่อตั้งหน่วยงานพัฒนาเอกชนอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตทิ้งขยะตอนโด้เช่นกัน เคยไม่เห็นด้วยกับการจัดทัวร์นี้ ตอนนี้ได้หันมาแสดงแรงสนับสนุน โดยชี้ว่าตนได้มองเห็นคุณค่าของการจัดทัวร์เยี่ยมชุมชนคนเก็บขยะแห่งนี้เพราะเป็นการเสนอให้คนอื่นได้เห็นปัญหาของคนที่ยากจนที่สุดในกรุงมะนิลาและช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน
คุณ Nympha Flores เป็นทัวร์ไกด์ เธอกำลังพากลุ่มนักท่องเที่ยวเดินเท้าเข้าไปเยี่ยมชุมชนคนเก็บขยะที่อาศัยอยู่รอบๆจุดทิ้งขยะในเขตตอนโด้ ย่านที่ยากจนที่สุดในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ จุดทิ้งขยะขนาดใหญ่แห่งนี้กินพื้นที่ถึง 4.5 เฮคเตอร์ หรือราว 25 ไร่
ระหว่างเส้นทางเข้าไป มีทั้งรถบรรทุกและรถมอร์เตอร์ไซด์ ค่อยๆเคลื่อนตัวไปบนถนนที่เขรอะไปด้วยโคลนดำ กลิ่นขยะเหม็นเน่าคลุ้งไปทั่วบริเวณ ข้างทาง มีกระท่อมหลังคามุงสังกะสีตั้งเรียงรายเต็มไปหมด กระท่อมบางหลังเป็นร้านขายอาหารที่ประกอบเศษอาหารเหลือที่เก็บมาจากกองขยะที่นำกลับมาล้างแล้วปรุงกลับไปเป็นอาหารจานใหม่ บางกระท่อมเป็นร้านรับส่งขยะพลาสติกและขยะรีไซเคิ่ลที่ขุดคุ้ยมาจากกองขยะแล้วนำไปขายต่อ
คุณ Nympha Flores ทัวร์ไกด์คนเดิมบอกกับลูกทัวร์ว่าไม่ว่าคุณจะไปเยี่ยมเยือนแห่งหนตำบลใดในฟิลิปปินส์ คุณจะพบเห็นสนามบาสเก็ตบอลเกือบทุกที่
สนามบาสเก็ตบอลในชุมชนคนเก็บขยะแห่งนี้ได้รับการดูแลอย่างดี อีกฝากหนึ่งของสนาม มีถุงขยะรีไซเคิ่ลวางเรียงรายอยู่ เด็กชาย Jason Valderama อายุ 16 ปี กำลังยัดขวดพลาสติกลงไปในถุงเพื่อให้ได้น้ำหนักอย่างน้อยหนึ่งกิโลกรัมเพื่อนำไปขายในราคา 70 เซ็นส์สหรัฐหรือประมาณ 20 บาทไทย
เด็กชาย Jason Valderama กล่าวว่าการเก็บขยะไปขายเป็นอาชีพที่ลำบากแต่ไม่มีทางเลือกถ้าไม่เก็บขยะไปขายก็ไม่มีอะไรยาไส้
ครอบครัวของเด็กชาย Jason อาศัยในกระท่อมหลังหนึ่งติดกับสนามบาสเก็ตบอลแห่งนี้ เด็กชาย Jason ต้องออกจากโรงเรียนเพื่อช่วยครอบครัวทำมาหากินด้วยการเก็บขยะขาย ทั้งครอบครัวมีรายได้รวมกันแล้วประมาณ 3 ถึง 5 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวันหรือประมาณ 90 บาทถึง 150 บาท เด็กชาย Jason บอกว่าอยากกลับไปเรียนหนังสือต่อทางด้านคอมพิวเตอร์
แต่ในชุมชนคนเก็บขยะในตอนโด้แห่งนี้ เเม้แต่เด็กตัวเล็กๆก็ต้องช่วยครอบครัวทำมาหากินด้วยการเก็บขยะไปขาย พวกเขาต้องผจญกับสภาพเเวดล้อมที่เป็นอันตราย ในกองขยะมีทั้งเศษแก้วแตก ฝูงเเมลงวัน สิ่งปฏิกูล แก๊สมีเทนจากกองขยะเเละสิ่งที่เป็นอันตรายอื่นๆ เด็กๆต้องเก็บขยะท่ามกลางแดดร้อนจัดหรือท่ามกลางสายฝน คนเก็บขยะในชุมชนแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของคนฟิลิปปินส์มากกว่า 3 ล้านคนในเขตกรุงมะนิลาที่ไม่มีที่อยู่ทางไปรษณีย์อย่างเป็นทางการ
ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวค่อยๆเดินไปตามทางถนนในชุมชนคนเก็บขยะเเห่งนี้ พวกเขาได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากกระท่อมบางหลังเป็นพักๆ กลุ่มนักท่องเที่ยวพากันหยุดชมคนในร้านเหล้าร้องเพลงคลอตามเสียงเพลงที่ถูกใจ
คุณ Juliette Kwee ผู้จัดทัวร์ชี้ว่าเธอต้องการให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนเก็บขยะเเห่งนี้ เธอบอกว่าสำหรับคนที่อยู่ในฟิลิปปินส์มานานแล้ว อาจจะมองว่าขอทานเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเห็นคนนั่งขอทานตามข้างถนนเป็นประจำ หรือ อาจจะไม่แปลกใจหากพบหญิงชราคุ้ยตามถุงขยะ แต่หากมานั่งคิดดูให้รอบคอบ คุณจะเห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ
คุณ Kwee เคยเป็นจิตแพทย์ในประเทศเนเธอแลนด์ แต่หลังจากได้เยี่ยมชุมชนคนจนแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน เธอตัดสินใจร่วมมือกับหน่วยงานพัฒนาเอกชนท้องถิ่นในกรุงมานิลาเพื่อ เปิดบริการพานักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมชุมชนแห่งนี้เพราะเธอรู้สึกประทับใจที่คนจนเหล่านี้มีความสุขแม้ว่าจะยากจนแสนเข็ญ ทางโครงการว่าจ้างคนในชุมชนเป็นทัวร์ไกด์
คุณ Mari Ota ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยและทำงานในกรุงมะนิลาบอกว่าประสบการณ์จากการไปเยี่ยมชุมชนคนเก็บขยะตอนโด้ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป
คุณ Ota กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าเวลาไปซื้อของ เธอจะบอกตัวเองเสมอว่าไม่ควรซื้อของชิ้นใหญ่ เธอได้แรงบันดาลใจจากคนจนเหล่านี้ว่าความสุขไม่ได้มาจากสิ่งของนอกกาย
ด้านคุณ Kwee ยอมรับว่ามีเสียงวิจารณ์จากคนที่มองว่าการจัดทัวร์ไปดูชุมชนยากจนตอนโด้เป็นการเอาผลประโยชน์จากความยากลำบากและความยากจนของคนเหล่านี้โดยใช้เป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยว
เธอกล่าวว่าเห็นด้วยว่าไม่เหมาะสมที่เอาความยากจนมาเป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยวแต่เธอคิดว่าการได้เห็นและสัมผัสกับชีวิตคนจนในชุมชนรอบเขตทิ้งขยะก็เป็นประสบการณ์ที่มีคุณ
ด้านผู้ก่อตั้งหน่วยงานพัฒนาเอกชนอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตทิ้งขยะตอนโด้เช่นกัน เคยไม่เห็นด้วยกับการจัดทัวร์นี้ ตอนนี้ได้หันมาแสดงแรงสนับสนุน โดยชี้ว่าตนได้มองเห็นคุณค่าของการจัดทัวร์เยี่ยมชุมชนคนเก็บขยะแห่งนี้เพราะเป็นการเสนอให้คนอื่นได้เห็นปัญหาของคนที่ยากจนที่สุดในกรุงมะนิลาและช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน