เมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตรเต้ ของฟิลิปปินส์ ถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิก วันเดียวกับที่ผู้สืบทอดทางการเมืองของเขาประกาศถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไป ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ปธน. ดูเตรเต้ส่งเอกสารขอถอนตัวต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นายคริสโตเฟอร์ บอง โก คนสนิทของเขา ส่งเอกสารขอถอนตัวเช่นกัน โดยโฆษกของผู้นำฟิลิปปินส์ระบุว่า เขาตัดสินใจครั้งนี้เพื่อให้รับใช้ประเทศในโอกาสต่อไปได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ผู้นำฟิลิปปินส์วัย 76 ปีผู้นี้ไม่สามารถลงเลือกตั้งรักษาเก้าอี้ผู้นำได้อีกสมัย แต่เขาสามารถลงชิงตำแหน่งอื่นในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคมปีหน้าได้
ปธน. ดูเตรเต้เคยวางแผนลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ก่อนจะตัดสินใจลงชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกและตัดสินใจถอนตัวในเวลาต่อมา
การถอนตัวครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์ในศึกเลือกตั้งฟิลิปปินส์ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงช่วงโค้งสุดท้ายแบบ “หักปากกาเซียน”
ทั้งนี้ นายโกมีคะแนนนิยมที่ไม่ดีนัก โดยขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้สมัครคนใดจะได้รับการรับรองจาก ปธน. ดูเตรเต้ ที่ได้รับคะแนนนิยมสูงนับตั้งแต่เขาชนะเลือกตั้งเมื่อปีค.ศ. 2016 โดยเมื่อครั้งนั้น เขาถือเป็นผู้สมัครม้ามืดที่ชูนโยบายปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด
นางซารา ดูเตรเต้-คาร์ปิโอ บุตรสาวของผู้นำฟิลิปปินส์ ถูกทาบทามให้รับตำแหน่งต่อจากบิดาของเธอ แต่เธอตัดสินใจลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายของอดีตผู้นำเผด็จการฟิลิปปินส์ ที่กลายเป็นตัวเต็งในขณะนี้ โดยนางซาราระบุว่า เธอสนับสนุนการตัดสินใจของบิดา
ทั้งนี้ ปธน. ดูเตรเต้มีทั้งพันธมิตรและศัตรูจำนวนมากในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งผู้นำฟิลิปปินส์ รัฐบาลของเขายังเผชิญกับข่าวฉาว โดยเฉพาะกรณีการสังหารผู้คนจำนวนมากจากสงครามปราบปรามยาเสพติด
ริชาร์ด เฮย์ดาเรียน นักเขียน คอลัมนิสต์ และนักวิชาการด้านการเมือง ระบุว่า ทิศทางการเมืองฟิลิปปินส์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเป็นไปในในเชิงลบต่อรัฐบาลของ ปธน. ดูเตรเต้ ผู้กำลังดิ้นรนหาจุดยืนของตนในศึกเลือกตั้งปีหน้า
วิคเตอร์ แมนฮิต นักวิเคราะห์ของสถาบัน Stratbase ระบุว่า การถอนตัวของผู้นำฟิลิปปินส์ อาจเป็นการโอนฐานเสียงให้บุตรสาวของเขาและนายมาร์กอสเพื่อ “ตรึงฐานเสียงเพื่อรับประกันชัยชนะ”
ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์