ชาวนิวซีแลนด์แห่ย้ายประเทศทำสถิติใหม่ หนีเศรษฐกิจซบเซา

แฟ้ม - คนเดินผ่านเรือใบที่แล่นผ่านด้านหน้าย่านธุรกิจในเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ 2 ก.ค. 2017 (REUTERS/David Gray)

นิวซีแลนด์เผชิญกับการย้ายออกนอกประเทศของประชากรมากที่สุดทำสถิติใหม่ ระหว่างที่แดนกีวีกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา การว่างงาน อัตราดอกเบี้ยและค่าครองชีพที่พุ่งสูง

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาตินิวซีแลนด์ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร เก็บสถิติสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนปี 2024 ชี้ว่า ผู้คน 131,200 คนย้ายออกจากนิวซีแลนด์ ถือเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่มีการเก็บสำรวจมา โดยในจำนวนผู้ย้ายออกจากประเทศ 80,174 คนเป็นพลเมืองนิวซีแลนด์ ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงโควิดระบาด ที่นิวซีแลนด์มีมาตรการคุมเข้มการเข้าเมือง และราว 1 ใน 3 ของชาวกีวีเลือกย้ายประเทศไปออสเตรเลีย

แม้ว่าสัดส่วนการอพยพย้ายถิ่นสุทธิของนิวซีแลนด์ ยังมีผู้ที่ย้ายเข้ามามากกว่าย้ายออกในระดับสูง แต่นักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงไป เนื่องจากชาวต่างชาติที่ต้องการย้ายถิ่นมายังนิวซีแลนด์จะลดลงจากเศรษฐกิจประเทศที่ชะลอตัว

นิวซีแลนด์ที่มีประชากร 5.3 ล้านคน เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สดใสนัก หลังจากธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1999 การขยายตัวเศรษฐกิจนิวซีแลนด์อยู่ที่ 0.2% ในไตรมาสแรกของปีนี้ อัตราว่างงานพุ่งสูงขึ้นมาที่ 4.7% ในไตรมาสที่ 2 ของปี และภาวะเงินเฟ้อยังคงสูงต่อไปที่ 3.3% ทำให้นักเศรษฐศาสตร์มองว่าชาวกีวีเริ่มเสาะหาประเทศใหม่ ๆ ในการโยกย้าย อย่างออสเตรเลียและอังกฤษ

ที่น่าสนใจคือ ออสเตรเลียได้เริ่มโครงการจ้างงานและเสนอแพคเกจย้ายประเทศให้กับสาขาอาชีพอย่างพยาบาลและครู ที่กำลังขาดแคลนในออสเตรเลีย เพื่อดึงดูดคนนิวซีแลนด์ ที่ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าออสเตรเลียให้เข้าไปทำงานที่นั่นมากขึ้น

ขณะเดียวกัน รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ปรับลดขนาดหน่วยงานบริการสาธารณะของรัฐ ซึ่งทำให้พนักงานที่มีทักษะจำนวนมากต้องออกมาหางานทำกันในช่วงเวลานี้

  • ที่มา: รอยเตอร์