รัสเซียเดินหน้าปฏิบัติการบุกยูเครนในตอนเช้าวันพฤหัสบดี โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูตินของรัสเซียเตือนว่าประเทศอื่น ๆ ไม่ควรเข้ามาแทรกเเซงความขัดเเย้งนี้
แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตเเล้ว อย่างน้อย 40 คน
ในขณะเดียวกันพันธมิตรโลกตะวันตกของยูเครนให้คำมั่นว่าจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือในวิกฤตครั้งนี้ และจะมีมาตรการลงโทษที่รุนเเรงขึ้น พร้อมทั้งร่วมกันประณามการบุกยูเครนของรัสเซีย
เหตุการณ์บุกยูเครนอย่างเป็นทางการ เกิดขึ้นเมื่อปูตินกล่าวในเเถลงการณ์ที่เผยเเพร่ทางโทรทัศน์ว่าได้เริ่มปฏิบัติการทางทหารในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน โดยบอกว่าเป็นการตอบโต้กับ "ภัยคุกคาม"
ผู้นำรัสเซียกล่าวด้วยว่าผู้ใดก็ตามในเขตดอนบาสที่ลุกขึ้นต่อต้านการบุกครั้งนี้จะเจอกับ "ผลลัพธ์" ที่ไม่เคยพบมาก่อน
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่า เป้าหมายในยูเครนที่ถูกรัสเซียโจมตีประกอบด้วยระบบพื้นฐานด้านกลาโหม และทหารตามเเนวชายเเดน มีรายงานด้วยว่าท่าอากาศยานในหลายเมืองถูกโจมตีด้วยจรวด
ผู้นำยูเครนประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศและขอให้ประชาชนอยู่เเต่ในเคหะสถาน เขายืนยันต่อประชาชนว่ายูเครนมีความพร้อมในการรับมือและขออย่าให้เกิดความตื่นตระหนก
ในเวลาต่อมา รัฐบาลยูเครนประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซีย และบอกกับประชาชนยูเครนในประเทศว่าจะติดอาวุธให้กับผู้ที่ต้องการปกป้องประเทศที่กรุงเคียฟ นครหลวงของยูเครน
ย่านใจกลางเมืองอยู่ในสภาพค่อนข้างเงียบสงัด ส่วนในเขตที่อยู่อาศัย ประชาชนรอถอนเงินเเละซื้ออาหาร ขณะที่ถนนหนทางมีรถติดเนื่องจากผู้คนเดินทางออกจากเมืองไปทางตะวันตกของประเทศ
เสียงยิงปะทะเกิดขึ้นตามเมืองต่าง ๆ ในยูเครนที่ห่างจากชายเเดนระหว่างรัสเซียและดินเเดนที่กลุ่มเเบ่งเเยกดินเเดนที่รัสเซียสนับสนุนเข้าไป 50 กิโลเมตร และที่กรุงเคียฟเกิดเสียงระเบิดขึ้นด้วยเช่นกัน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวว่า ชาวยูเครนกำลังผจญทุกข์เข็ญจากการโจมตีของรัสเซีย ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลอันควรและไม่มีผู้ได้เป็นฝ่ายยั่วยุก่อน
โจ ไบเดนกล่าวในเเถลงการณ์ว่า "ประธานาธิบดีปูตินเลือกที่จะก่อสงครามที่มีการวางเเผนไว้ล่วงหน้า ที่จะนำมาซึ่งความสูญเสียขั้นหายนะและความทุกข์เข็ญต่อชีวิตมนุษย์"
เเถลงการณ์กล่าวว่า "สหรัฐฯ พันธมิตร และประเทศผู้เป็นหุ้นส่วนความสัมพันธ์จะตอบโต้ร่วมกันอย่างชัดเจนและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และโลกจะทำให้รัสเซียต้องรู้ซึ้งถึงผลแห่งการกระทำครั้งนี้"
สำหรับสหภาพยุโรปหรืออียู กลุ่มผู้นำอียูจะหารือกันเพื่อสรุปมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซียในวันพฤหัสบดี
นายโจเซพ บอร์เรลล์ เจ้าหน้าที่สูงสุดด้านนโยบายต่างประเทศของอียู กล่าวว่า สหภาพยุโรปกำลังเตรียมออกมาตรการลงโทษที่รุนเเรงที่สุดเท่าที่เคยใช้มาต่อรัสเซีย โดยระบุว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นชั่วโมงที่มืดมิดที่สุดของยุโรปครั้งหนึ่งตั้งเเต่การจบลงของสงครามโลกครั้งที่สอง"
เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาเเอตเเลนติกเหนือหรือนาโต้ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก กล่าวว่า การโจมตีของรัสเซียเป็น "การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างอุกอาจ"
เขากล่าวในเเถลงการณ์ว่า เเม้ว่าจะมีความพยายามทางการทูตอย่างต่อเนื่อง เเต่รัสเซียเลือกที่จะเดินเส้นทางแห่งความก้าวร้าว
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก กล่าวด้วยว่าพันธมิตรนาโต้จะหารือกันและมีมาตรการร่วมปกป้องพันธมิตร รวมทั้งระบุว่าจะยืนเคียงข้างชาวยูเครน
ในส่วนของเเนวทางการทูตผ่านสหประชาชาติหรือยูเอ็น เลขาธิการยูเอ็น แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส กล่าวก่อนคำแถลงบุกยูเครนโดยประธานาธิบดีปูตินไม่นานว่า "ขอโอกาสให้สันติภาพด้วย" ในเวลาต่อมา นายกูเตอร์เรสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อยากขอให้รัสเซียถอนทหารกลับรัสเซีย
ขณะที่ ทูตรัสเซียประจำยูเอ็น วาสซิลลี เนเยนเซีย กล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปฏิบัติการพิเศษของรัสเซียเพื่อช่วยคนที่เผชิญการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ในยูเครนโดยรัฐบาลกรุงเคียฟ
ด้านทูตยูเครนประจำยูเอ็น เซอร์เกย์ คิซลิตส์ยา กล่าวว่าขณะนี้สายไปเเล้วที่จะพูดถึงการลดความตึงเครียด เพราะสงครามเกิดขึ้นเเล้ว
เขาบอกต่อทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติว่า "ไม่มีการชำระบาปให้กับอาชญากรสงคราม หนทางสู่นรกของคนเหล่านี้เป็นเป็นทางสายตรง"
- ที่มา: ผู้สื่อข่าววีโอเอ, เอพี, รอยเตอร์, เอเอฟพี