“เพียร์สัน” บริษัทการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะขายหนังสือเรียนในรูปแบบดิจิตัลเท่านั้นในตลาดมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการพักจากการขายตำราเรียนแบบดั้งเดิมที่มีราคาแพงกว่า
บริษัทผู้ให้บริการตำราเรียน หลักสูตร และการทดสอบของอังกฤษแห่งนี้ได้รับผลกระทบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากบรรดานักเรียนหาทางประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการหันไปซื้อหนังสือมือสอง ซึ่งทำให้ยอดขายและกำไรจากการขายตำราเรียนเหล่านี้ลดลงไป
อย่างไรก็ตาม “เพียร์สัน” พบกับจุดเปลี่ยนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเมื่อประกาศจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีราคาถูกซึ่งออกแบบมาเพื่อดึงดูดความสนใจของคนในยุคสมัย Spotify ทำให้มีการประเมินว่ายอดขายในปี พ.ศ. 2563 จะสูงขึ้นหลังจากที่ยอดขายตกติดต่อกันมานานกว่า 5 ปี
การเปลี่ยนตำราเรียนไปเป็นระบบดิจิตัลอย่างรวดเร็ว ซึ่งคล้ายๆ กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวงการเพลง ภาพยนตร์ และหนังสือพิมพ์ทำให้บริษัทที่มีอายุถึง 175 ปีแห่งนี้ต้องตัดงานหลายพันตำแหน่ง และต้องขายสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อที่นำมาพัฒนาบริษัท
จากนี้ไปการจำหน่ายตำราเรียนทั้งหมดที่ใช้กันอยู่ในสหรัฐฯ 1,500 รายการจะกลายเป็นระบบดิจิตัล และได้รับการปรับเปลี่ยนให้ทันต่อเหตุการณ์อย่างต่อเนื่องเมื่อมีการพัฒนาใหม่ๆ ในสาขาการศึกษานั้นๆ
ก่อนหน้านี้หนังสือเรียนทั้งหลายจะได้รับการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยทุกๆ 3 ปี
ในแต่ละปีมีนักศึกษามหาวิทยาลัยจำนวนมากเข้าเรียนหลักสูตรดิจิตัลและใช้หนังสืออิเล็คทรอนิกส์ของเพียร์สันมากกว่า 10 ล้านหลักสูตรด้วยกัน
ในขณะที่นักเรียนจ่ายเงินน้อยลงในการซื้อหนังสือดิจิตัลราคาเฉลี่ย 40 ดอลล่าร์ และ 79 ดอลล่าร์สำหรับชุดการเรียนระบบอิเล็คทรอนิกส์แบบเต็มรูปแบบ เช่นมีข้อเสนอแนะต่างๆ เพียร์สันเชื่อว่า อีกไม่นานทางบริษัทจะสามารถคาดการณ์รายได้ได้มากขึ้น เนื่องจากนักเรียนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหันไปหาหนังสือมือสองอีกต่อไป
อย่างไรก็ดีตำราเรียนส่วนใหญ่มีราคาเฉลี่ยประมาณ 110 ดอลล่าร์ ไปจนถึง 200 ถึง 300 ดอลล่าร์เลยทีเดียว
เพียร์สันเปิดเผยว่า 62% ของรายได้ของบริษัทมาจากผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ในระบบดิจิตัล