พิสูจน์ “โอมัวมัว” หินอวกาศ หรือ ยานอวกาศมนุษย์ต่างดาว?

Artist's rendering of Oumuamua as it passed through the solar system after its discovery in October 2017. (Image Credit: European Southern Observatory/M. Kornmesser via NASA)

Your browser doesn’t support HTML5

Oumuamua Still No Aliens

นักดาราศาสตร์ทั่วโลกมีคำถามมากมายว่าวัตถุที่เดินทางระหว่างดวงดาวที่มองเห็นเมื่อปีที่แล้ว ที่เรียกว่าโอมัวมัว (Oumuamua) เป็นวัตถุโบราณของมนุษย์ต่างดาวหรือเป็นยานอวกาศจริงๆ ที่ถูกส่งมาสอดแนมมนุษย์

โอมัวมัว เป็นภาษาฮาวายแปลว่า ลูกเสือ หรือ 'scout'

โอมัวมัวเป็นวัตถุที่โคจรระหว่างดวงดาวชิ้นแรกที่เข้ามาในระบบสุริยจักรวาลที่โลกเราเป็นส่วนหนึ่ง นี่หมายความว่าวัตถุชิ้นนี้มาจากระบบสุริยจักรวาลอื่นอีกระบบหนึ่ง

โอมัวมัวเดินทางระหว่างดาวพุธกับดวงอาทิตย์ในเดือนพฤศจิกายนปี 2017 ที่ผ่านมา หรือราวหนึ่งปีที่เเล้ว

โอมัวมัวเดินทางรวดเร็วมากที่ประมาณ 136,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มิเชล เบนนิสเตอร์ (Michele Bannister) จาก Queen's College ใน Belfast กล่าวกับวีโอเอว่า นักวิทยาศาสตร์มีเวลาเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้นในการศึกษาวัตถุชิ้นนี้

โอมัวมัวมีสีออกค่อนข้างแดงและมีความยาวประมาณ 400 เมตร อย่างไรก็ตาม ความยาวของวัตถุนี้มากถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับความกว้าง จึงมองดูเหมือนหยดน้ำเเข็งสกปรกขนาดยักษ์ที่เดินทางระหว่างดวงดาว

โทมัส เซอร์บูเคน (Thomas Zurbuchen) แห่งองค์การสำรวจอวกาศเเห่งสหรัฐฯ หรือ นาซ่า กล่าวว่า นักดาราศาสตร์เชื่อในทฤษฎีที่ว่ามีวัตถุที่เดินทางระหว่างดวงดาวอยู่จริงในอวกาศมานานนับหลายสิบปีเเล้ว เเละมาถึงตอนนี้ การมองเห็นวัตถุดังกล่าวจริงๆ เป็นครั้งเเรก ถือเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าวัตถุเหล่านี้มีอยู่จริง

เกิดคำถามว่าความคิดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมาจากไหน อย่างไรก็ตาม โอมัวมัวมีลักษณะค่อนข้างแปลกตรงที่สามารถปรับความเร็วเเละทิศทางได้ขณะเดินทางผ่านกาเเลคซี่ ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นเรื่องเเปลกประหลาดมาก

นอกเสียจากว่าจะเป็นจริงอย่างที่เบนนิสเตอร์บอกว่าหินอวกาศก้อนนี้อาจมีส่วนประกอบภายในเเบบเดียวกับดาวหางเเละหินอุกาบาตทั่วไป อาทิ คาร์บอนมอนนอดไซด์ หรือ ไซยาไนด์ และหากเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อวัตถุนี้เดินทางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ มันจะเริ่มอุ่นขึ้น เเก๊สเหล่านี้จะพุ่งตัวออกมาจากวัตถุด้วยความเร็วสูงเหมือนกับเครื่องบินเจ็ทตามกระบวนการปลดปล่อยแก็สจากภายใน เเละกระบวนการนี้ทำให้ก้อนหินอวกาศโอมัวมัวมีลักษณะของการเคลื่อนที่ราวกับว่าบังคับตัวเองได้

แม้คำอธิบายลักษณะการเคลื่อนที่ของโอมัวมัวของนาซ่านี้อาจฟังดูเเล้ว สมบูรณ์แบบ แต่สองนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ชูแอล ไบลี่ย์ (Shmuel Bialy) กับ แอบบราเเฮม โลบ (Abraham Loeb) ยังต้องการอธิบายความเป็นไปได้อีกหลายอย่างเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของก้อนหินอวกาศโอมัวมัว รวมทั้งความคิดที่ว่าก้อนหินอวกาศที่เดินทางระหว่างดวงดาวก้อนนี้ เป็นเรือใบเเรงดันเเสงอาทิตย์ที่ใช้พลังงานจากดวงอาทิตย์ในการส่งยานผ่านอวกาศ

นักวิจัย ไบลีย์ กับ โลบ ยังเสนอความคิดอีกอย่างหนึ่งที่เป็นไปได้ว่า โอมัวมัว อาจเป็นยานอวกาศที่ทำงานเต็มรูปแบบที่ถูกส่งอย่างจงใจมายังบริเวณใกล้กับโลกโดยมนุษย์ต่างดาว

อย่างไรก็ตาม เราต้องตระหนักว่าผลการวิจัยชิ้นนี้ยังไม่ได้รับการตรวจทานชิ้นงานโดยผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทุกชิ้นต้องผ่านก่อนการตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ

เบนนิสเตอร์ กล่าวว่า กาเเลคซี่เต็มไปด้วยก้อนหินอวกาศนับล้านล้านชิ้น ซึ่งมีขนาดแตกต่างกันตั้งเเต่ขนาดเท่าตึกสูงระฟ้าจนถึงขนาดเท่ากับดาวเคราะห์ เเละวัตถุเหล่านี้น่าจะเดินทางไปทั่วกาเเลคซี่ เเละหากโชคดี นักดาราศาสตร์น่าจะมองเห็นวัตถุชนิดนี้อีกอย่างน้อยปีละครั้ง

นี่พูดได้ว่าโลกเรามีผู้มาเยือนจากต่างดาวก็ว่าได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงก้อนหินอวกาศที่เดินทางผ่านมาเเล้วผ่านไปเท่านั้น ซึ่งสร้างความตื่นเต้นเเม้ว่าจะยังไร้เงาของมนุษย์ต่างดาวก็ตาม

(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)