Your browser doesn’t support HTML5
41 ปีหลังการสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ – เวียดนาม แนบแน่นที่สุด ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากรัฐบาลเวียดนามและกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้มีการยกเลิกคำสั่งห้ามซื้อขายอาวุธกับเวียดนาม
เวลานี้ ปธน.บารัค โอบาม่า กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนเวียดนามเป็นเวลา 3 วัน โดยประเด็นที่กำลังถูกจับตามองมากที่สุด คือเรื่องการยกเลิกมาตรการห้ามซื้อขายอาวุธกับเวียดนาม ซึ่งสหรัฐฯใช้มานานหลายสิบปีหลังจากการสิ้นสุดสงครามเวียดนาม
ปธน.โอบาม่า มีอำนาจที่สามารถสั่งยกเลิกมาตรการดังกล่าว โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการเสียงสนับสนุนจากบุคคลสำคัญผู้หนึ่งในรัฐสภาฯ นั้นคือ สว.จอห์น แม็คเคน จากพรรครีพับลิกัน ผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการด้านการทหารของวุฒิสภาสหรัฐฯ และวีรบุรุษจากสงครามเวียดนาม
สว. แม็คเคน เคยร่วมต่อสู้ในสงครามเวียดนามในฐานะนักบินหนุ่มของกองทัพสหรัฐฯ เครื่องบินของเขาถูกยิงตกในเขตศัตรู เขาถูกจับกุมคุมขังและถูกทำทรมานในฐานะเชลยที่ฮานอยเป็นเวลานานถึงห้าปีครึ่ง
สว. แม็คเคนให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่า แม้มีหลายคนที่เคยทำร้ายตนในช่วงที่ตนถูกจับกุม แต่ในความเห็นของตนยังเชื่อว่าชาวเวียดนามเป็นคนที่เยี่ยมยอด และเป็นเพื่อนที่ดี ซึ่งอเมริกาและเวียดนามจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน ตนเห็นความสัมพันธ์ที่รุ่งเรืองระหว่างสองประเทศในอนาคต
สว. แม็คเคน เดินทางเยี่ยมเยือนเวียดนามกว่า 20 ครั้ง ในช่วงหลายปีมานี้ โดยอดีตตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้ระบุว่า ตนไม่ทราบว่า ปธน. โอบาม่า มีเป้าหมายอย่างไรในการเยือนเวียดนามครั้งนี้ แต่อย่างน้อยตนเชื่อว่า สหรัฐฯ และเวียดนามควรยึดมั่นในหลักการเดียวกัน คือเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลจีนใต้ ซึ่งเวียดนามกำลังมีข้อพิพาทอยู่กับจีน
นอกจากนี้ สว.แม็คเคน เห็นว่า สหรัฐฯ และเวียดนามควรเพิ่มความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น โครงการแลกเปลี่ยนด้านการทหาร การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาทุกข์ รวมทั้งการที่เรือสหรัฐฯ ควรเพิ่มการเยี่ยมเยือนเมืองท่าของเวียดนามมากขึ้น
ถึงกระนั้น สว.แม็คเคน ชี้ว่ายังมีเรื่องที่ ปธน.โอบาม่า ควรกระตุ้นเตือนเวียดนาม เช่น เรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของชาวเวียดนาม เสรีภาพในการนับถือศาสนา และการเลือกปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อย
ด้านคุณไบรอัน ฮาร์ดิ้ง ผู้เชี่ยวชาญจาก Center for American Progress เชื่อว่าประเด็นด้านความมั่นคงจะเป็นประเด็นสำคัญในการหารือระหว่าง ปธน.โอบาม่า กับ ปธน.เวียดนาม และประเด็นด้านเศรษฐกิจและสิทธิมนุษยชน
ตลอดจนสิ่งที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง คือสหรัฐฯ จะยอมยกเลิกมาตรการห้ามค้าอาวุธกับเวียดนามระหว่างที่ ปธน.โอบาม่า เยือนเวียดนามครั้งนี้หรือไม่
คุณไบรอัน ฮาร์ดิ้ง เชื่อว่า อาจยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าว เมื่อพิจารณาประวัติด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเวียดนาม และว่า ปธน.โอบาม่า ควรยืนหยัดเพื่อต่อต้านปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วโลก
นักวิเคราะห์ผู้นี้ สรุปว่า แม้สหรัฐฯ และเวียดนาม ต่างยังมีความขุ่นมัวจากสงครามเวียดนามหลงเหลืออยู่ แต่ประชาชนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ของเวียดนามจำนวนมาก ต่างมีทัศนคติที่ดีต่ออเมริกา
(ผู้สื่อข่าว Cindy Saine รายงานจากกรุงฮานอย / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)