Your browser doesn’t support HTML5
ผู้นำสหรัฐจะระดมแรงหนุนจากนานาชาติในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติแก่แผนต่อต้าน ISIL และแผนการรับมือกับโรคอีโบล่าที่ระบาดหนักในอาฟริกาตะวันตก
ประธานาธิบดีโอบาม่า เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งชนะการเลือกตั้งเพราะให้คำมั่นแก่ชาวอเมริกันว่าจะยุติการมีส่วนร่วมของสหรัฐในสงครามอิรักและจะลดบทบาทของสหรัฐในปัญหาความขัดแย้งในต่างประเทศลง กำลังจะเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติปีนี้ด้วยเป้าหมายใหม่ นั่นก็คือการระดมแรงหนุนจากนานาชาติต่อแผนปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่รอบใหม่ต่อกลุ่มติดอาวุธอิรัก หรือ ISIL และการระบาดของเชื้ออีโบล่า
ผู้นำสหรัฐกล่าวว่าอเมริกาจะผู้นำในแนวร่วมนานาชาติในการยุติการคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ เป้าหมายของอเมริกาชัดเจน นั่นก็คือจะทำการบั่นทอนและทำลายกลุ่ม ISIL ให้สิ้นซากในที่สุดผ่านความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ต่อต้านการก่อการร้ายระดับนานาชาติที่ยั่งยืน
ยุทธศาสตร์ที่ว่านี้รวมถึงการวางกำลังเจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐมากกว่าหนึ่งพันนายในอิรัก แต่เป็นงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่านี่สะท้อนให้เห็นว่าประธานาธิบดีโอบาม่ายังค่อนข้างลังเลที่จะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อปีคริสตศักราช 2011 ประธานาธิบดีโอบาม่าเป็นผู้สั่งถอนกำลังทหารสหรัฐออกจากการประจำการในอิรักในช่วงที่ชาวอเมริกันไม่ต้องการให้ประเทศเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในปัญหาความขัดแย้งในต่างแดน
แต่ความกดดันต่อตัวประธานาธิบดีโอบาม่าให้แสดงความเข้มแข็งของอเมริกาได้เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน
ภาพวิดีทัศน์สมาชิกกลุ่มติดอาวุธอิรัก ISIL สังหารผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันสองคน ส่งผลให้มีจำนวนชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นที่เปลี่ยนแปลงท่าที่และต้องการให้รัฐบาลของตนตอบโต้กับกลุ่มติดอาวุธนี้อย่างแข็งขันขึ้น
สำหรับผู้นำสหรัฐ การเปลี่ยนแปลงในท่าทีของคนอเมริกันนี้ทำให้เขาต้องเผชิญกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
คุณ Michael Rubin นักวิเคราะห์แห่งสถาบัน American Enterprise กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ประธานาธิบดีโอบาม่าทำถูกต้องแล้วที่กล่าวว่าเขามีข้อผูกมัดตามหน้าที่ในการลดส่วนร่วมของสหรัฐในสงครามอิรัก แต่คุณ Rubin กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้มาจากสถานการณ์ในอิรักที่เปลี่ยนไป และเนื่องจากประธานาธิบดีโอบาม่าไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐในอิรักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่เป็นเหตุให้ผู้นำสหรัฐแสดงท่าทีลังเลอย่างมากต่อการกลับไปมีส่วนร่วมทางการทหารของสหรัฐอีก
ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานว่าผู้นำสหรัฐได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการระบาดของเชื้ออีโบล่าในอาฟริกาตะวันตกที่ทำให้เขาส่งเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐจำนวนสามพันนายเข้าไปช่วยรับมือกับการระบาดของโรคตามคำขอของรัฐบาลไลบีเรียและประเทศอื่นๆ
ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวว่าในยามที่ประสบกับการระบาดของเชื้ออีโบล่า ทั่วโลกต้องการความช่วยเหลือจากสหรัฐและนี่เป็นความรับผิดชอบที่สหรัฐน้อมรับด้วยความยินดี สหรัฐพร้อมเสมอในการเป็นผู้นำเพื่อรับมือกับปัญหานี้ เพื่อใช้ความสามารถที่เฉพาะสหรัฐเท่านั้นที่มีและเพื่อระดมความช่วยเหลือจากทั่วโลกตามวิถีทางที่มีแต่อเมริกาเท่านั้นที่ทำได้
นาย Larry Korb เคยเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศคนหนึ่งในการณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของประธานาธิบดีโอบาม่า เขากล่าวว่ารัฐบาลอิรักและรัฐบาลไลบีเรียเป็นฝ่ายร้องขอความช่วยเหลือจากสหรัฐให้เข้าแทรกแซง
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าตนเห็นว่าทุกคนจำเป็นต้องมองให้ทะลุเพื่อให้เห็นความแตกต่างของสถานการณ์ระหว่างการเข้าแทรกแซงเองกับการถูกร้องขอโดยรัฐบาลไลบีเรียและรัฐบาลอิรักให้เข้าแทรกแซง เขาบอกว่าสถานการณ์สองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างมาก
ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ ประธานาธิบดีโอบาม่าจะเข้าร่วมในการประชุมว่าด้วยภาวะโลกร้อนและจะเป็นประธานการประชุมของสภาความมั่นคงเพื่อถกประเด็นนักรบชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐจะใช้เวลาที่เหลือในการระดมความร่วมมือจากประเทศต่างๆ ในการรับมือกับกลุ่มติดอาวุธอิรัก ISIL และการระบาดของเชื้ออีโบล่า