ปธน.Obama มีคะแนนนิยมนำนาย Romney 49-45 ก่อนการโต้วาทีวันพุธ โดยปธน.Obama ได้คะแนนนิยมในหมู่ผู้หญิงมากกว่านาย Romney 18 จุด ส่วนนาย Romney ได้คะแนนนิยมในหมู่ผู้ชายมากกว่า 10 จุด
LINK TO เกร็ดความรู้เรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ผลการสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของมหาวิทยาลัย Quinnipiac ชี้ให้เห็นว่า ปธน.Barack Obama มีคะแนนนำหน้านาย Mitt Romney 49% – 45%
คุณ Peter Brown หัวหน้าสถาบันจัดทำผลสำรวจของ มหาวิทยาลัย Quinnipiac ชี้ว่าคะแนนเสียงของ ปธน. Obama ที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังๆนั้น ส่วนใหญ่มาจากเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้หญิง โดยปธน.Obama ได้คะแนนนิยมในหมู่ผู้หญิงมากกว่านาย Romney 18 จุด ส่วนนาย Romney ได้คะแนนนิยมในหมู่ผู้ชายมากกว่าปธน.Obama เกิน 10 จุด โดยคาดว่าจะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้หญิงออกมาใช้สิทธิมากกว่าผู้ชาย
ผลการสำรวจคะแนนครั้งนี้ดูจะไม่เป็นใจให้กับนาย Mitt Romney ก่อนหน้าการโต้วาทีหรือ Debate ครั้งแรกของผู้สมัครทั้งคู่ในวันพุธนี้ ดังนั้นหัวหน้าสถาบันจัดทำผลสำรวจมหาวิทยาลัย Quinnipiac จึงเชื่อว่านาย Romney มีเรื่องที่ต้องทำให้ได้ในการโต้วาที คือการพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงในผลคะแนนของตน
คุณ Peter Brown ชี้ว่าเนื่องจากปธน.Obama มีคแนนนำอยู่แล้ว จึงแทบไม่ต้องคาดหวังอะไรมากนัก เพียงแต่รักษาระยะห่างของคะแนนนิยมไว้ให้ได้หรือทำให้เสมอตัวก็พอ ผิดกับนาย Romney ที่ต้องพยายามโน้มน้าวให้ผู้ที่ยังไม่สนับสนุนตนเปลี่ยนใจให้ได้
ด้านคุณ Allan Lichtman ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์จาก American University ชี้ว่า จากสถิติในอดีตเห็นได้ว่าเป็นเรื่องยากที่ผู้สมัครที่มีคะแนนนิยมตามหลังจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงจนกลับขึ้นมาเป็นผู้นำได้ภายหลังการโต้วาที
นักวิเคราะห์ผู้นี้ยกตัวอย่างการเลือกตั้งปี ค.ศ 2004 ซึ่งนาย John Kerry ตัวแทนพรรคเดโมแครตในเวลานั้นมีคะแนนตามหลังอดีตปธน.George W. Bush ตัวแทนพรรครีพับลิกันเวลานั้น และแม้นาย Kerry สามารถเอาชนะได้ในการโต้วาทีทั้ง 3 ครั้ง แต่เขาก็ยังคงพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง ซึ่งคุณ Allan Lichtman เชื่อว่าสถานการณ์ของนาย Mitt Romney ก็คงไม่ต่างจากนาย John Kerry เช่นกัน
คุณ Peter Brown หัวหน้าสถาบันจัดทำผลสำรวจของ มหาวิทยาลัย Quinnipiac ชี้ว่าคะแนนเสียงของ ปธน. Obama ที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังๆนั้น ส่วนใหญ่มาจากเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้หญิง โดยปธน.Obama ได้คะแนนนิยมในหมู่ผู้หญิงมากกว่านาย Romney 18 จุด ส่วนนาย Romney ได้คะแนนนิยมในหมู่ผู้ชายมากกว่าปธน.Obama เกิน 10 จุด โดยคาดว่าจะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้หญิงออกมาใช้สิทธิมากกว่าผู้ชาย
ผลการสำรวจคะแนนครั้งนี้ดูจะไม่เป็นใจให้กับนาย Mitt Romney ก่อนหน้าการโต้วาทีหรือ Debate ครั้งแรกของผู้สมัครทั้งคู่ในวันพุธนี้ ดังนั้นหัวหน้าสถาบันจัดทำผลสำรวจมหาวิทยาลัย Quinnipiac จึงเชื่อว่านาย Romney มีเรื่องที่ต้องทำให้ได้ในการโต้วาที คือการพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงในผลคะแนนของตน
คุณ Peter Brown ชี้ว่าเนื่องจากปธน.Obama มีคแนนนำอยู่แล้ว จึงแทบไม่ต้องคาดหวังอะไรมากนัก เพียงแต่รักษาระยะห่างของคะแนนนิยมไว้ให้ได้หรือทำให้เสมอตัวก็พอ ผิดกับนาย Romney ที่ต้องพยายามโน้มน้าวให้ผู้ที่ยังไม่สนับสนุนตนเปลี่ยนใจให้ได้
ด้านคุณ Allan Lichtman ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์จาก American University ชี้ว่า จากสถิติในอดีตเห็นได้ว่าเป็นเรื่องยากที่ผู้สมัครที่มีคะแนนนิยมตามหลังจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงจนกลับขึ้นมาเป็นผู้นำได้ภายหลังการโต้วาที
นักวิเคราะห์ผู้นี้ยกตัวอย่างการเลือกตั้งปี ค.ศ 2004 ซึ่งนาย John Kerry ตัวแทนพรรคเดโมแครตในเวลานั้นมีคะแนนตามหลังอดีตปธน.George W. Bush ตัวแทนพรรครีพับลิกันเวลานั้น และแม้นาย Kerry สามารถเอาชนะได้ในการโต้วาทีทั้ง 3 ครั้ง แต่เขาก็ยังคงพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง ซึ่งคุณ Allan Lichtman เชื่อว่าสถานการณ์ของนาย Mitt Romney ก็คงไม่ต่างจากนาย John Kerry เช่นกัน