Your browser doesn’t support HTML5
คำปราศรัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่สนามกีฬาในนครโจฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้ เมื่อวันอังคารที่ 17 กรกฎาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองโอกาสครบรอบ 100 ปีวันคล้ายวันเกิดของอดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลล่า ของแอฟริกาใต้ เป็นสิ่งที่บรรดาผู้สนับสนุนรอคอยมานาน
โดยในคำกล่าวที่มีเนื้อหาครอบคลุมหลายด้านนี้ อดีตผู้นำสหรัฐฯ ได้ยกย่องนายเนลสัน แมนเดลล่า อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ผู้ต่อต้านการแบ่งแยกผิว และชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าและความทัดเทียมในสังคมที่เกิดจากผู้นำแนวทางก้าวหน้า อย่างเช่นประธานาธิบดีแมนเดลล่านี้
ขณะเดียวกันก็ชี้ภาพความแตกต่างจากการเมืองซึ่งมีลักษณะที่แปลกผิดเพี้ยนและไม่แน่นอนในปัจจุบัน
โดยบารัค โอบามา ชี้ว่า ผู้นำที่นิยมใช้อำนาจแบบเด็ดขาดในการปกครองมักจะขึ้นมามีอำนาจอย่างรวดเร็ว และมักพยายามรักษารูปแบบของการเลือกตั้งและแอบอ้างประชาธิปไตยบางอย่างเอาไว้ ในขณะที่โดยแท้จริงแล้ว ผู้มีอำนาจเหล่านี้พยายามบั่นทอนบรรทัดฐานและสถาบันทุกอย่างซึ่งทำให้ประชาธิปไตยมีความหมายอย่างแท้จริง
ถึงแม้ว่าชื่อของโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ปรากฏอยู่ในคำปราศรัยความยาว 90 นาทีครั้งนี้ก็ตาม แต่ก็มีหลายครั้งซึ่งเห็นได้ชัดว่าอดีตผู้นำผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ กล่าวพาดพิงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในการเมืองอเมริกันขณะนี้โดยตรง
โดยอดีตประธานาธิบดีโอบามา กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายที่การเมืองส่วนใหญ่ในขณะนี้ดูจะปฏิเสธแนวคิดเรื่องความจริงที่เที่ยงธรรมและปราศจากอคติ และสิ่งที่เราได้เห็นก็คือนักการเมืองผู้ปราศจากยางอาย ซึ่งเมื่อถูกจับได้ว่าพูดโกหก ก็ยิ่งพยายามจะตอกย้ำคำโกหกนั้นซ้ำสองอีก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจอห์น สเตรมลาวด์ ผู้สอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย Witwatersrand กล่าวว่า อดีตประธานาธิบดีโอบามา ได้เสนอทางเลือกระหว่างแนวทางของอดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลล่า กับแนวโน้มของผู้นำที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จซึ่งกำลังก่อตัวขึ้นทั่วโลกรวมทั้งในสหรัฐฯ ด้วย
และว่าการที่ บารัค โอบามา กล่าวยกย่องอดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลลา ผู้เคยได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ หนึ่งวันหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์มีท่าทีอ่อนข้อและโอบรับประธานาธิบดีปูตินที่กรุงเฮลซิงกินั้น ดูจะสร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจน
อาจารย์จอห์น สเตรมลาวด์ ยังชี้ด้วยว่า ขณะนี้บารัค โอบามา กำลังพยายามสนับสนุนความเคลื่อนไหวในสองด้าน โดยหนึ่งนั้นคือการทำงานของประธานาธิบดีไซริล รามาโพซา ผู้นำคนใหม่ของแอฟริกาใต้ ซึ่งขึ้นมามีอำนาจต่อจากประธานาธิบดีจาค็อบ ซูมา ผู้มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการใช้อำนาจและคอรัปชั่น และสองนั้นคือการช่วยวางแนวทางให้กับพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในการเลือกตั้งกลางเทอมปลายปีนี้
อดีตประธานาธิบดีโอบามา ได้มีคำกล่าวถึงผู้เข้าร่วมฟังคำปราศรัยกว่า 15,000 คน ที่นครโจฮันเนสเบิร์ก ให้มีความหวังและช่วยปกป้องประชาธิปไตย ซึ่งในทางกลับกัน ผู้คนเหล่านี้ได้ร่วมกันร้องตะโกนตอบว่า "Yes, we can."