ปธน.โอบาม่าย้ำภารกิจแก้ปัญหาระยะยาวทั้งในประเทศและต่างประเทศช่วงสองปีที่เหลือ

President Obama interview with National Public Radio

ผู้นำสหรัฐย้ำว่าจะให้ความสำคัญกับการปรับปรุงความสัมพันธ์กับอิหร่านเพราะเห็นว่าประชาธิปไตยเป็นหัวใจของความก้าวหน้าอย่างที่เห็นในประเทศพม่าและตูนีเซีย

Your browser doesn’t support HTML5

Obama Interview

ในบทสัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ NPR เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวว่าการใช้อำนาจบริหารของตนเองในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในการประกาศบังคับใช้กฎหมายปฏิรูประบบตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐและการปรับสัมพันธ์หลายด้านกับคิวบา ล้วนเป็นผลของการทำงานที่ยาวนานหลายปี

ผู้นำสหรัฐชี้ว่า ตนคาดการณ์มาก่อนว่าปีคริสตศักราช 2014 จะเป็นปีแห่งความคืบหน้าสำคัญและหลังจากดำรงตำแหน่งมา 6 ปี ซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐกระเตื้องขึ้น และตนก็ได้มีโอกาสจัดการกับปัญหาเรื้อรังต่างๆ ที่เป็นปัญหาแก้ยาก

ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวว่ามาถึงปลายปีนี้ ตนสามารถมองย้อนกลับไปแล้วบอกได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกลับมาอยู่ในจุดที่ดีขึ้นในปัจจุบัน ทั่วโลกต้องการความเป็นผู้นำจากสหรัฐมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เมื่อเห็นแล้วตนก็รู้สึกโล่งใจเพราะนี่แสดงให้เห็นว่างานหนักที่ทำกันมาหลายปีเริ่มเห็นผลแล้วและนี่ได้ให้โอกาสแก่ตนในการมุ่งความสนใจไปยังปัญหาที่ท้าทายอีกหลายปัญหาที่ตนไม่มีเวลาและความสามารถไปจัดการในช่วงปีแรกๆ ของการดำรงตำแหน่ง

ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวว่าตอนนี้ ตนต้องการมุ่งความสนใจไปที่โครงการระยะยาว ซึ่งรวมต้องการเห็นชาวอเมริกันทุกคนได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจประเทศที่กระเตื้องขึ้น


ส่วนในด้านภารกิจต่างประเทศ ผู้นำสหรัฐชี้ว่าสหรัฐกำลังจัดการกับกลุ่มก่อตั้งรัฐอิสลาม หรือ ISIL และการถอนกำลังทหารสหรัฐจากอาฟกานิสถานก็กระทำอย่างมีความรับผิดชอบ นอกจากนี้ ตนจะยังคงมีส่วนร่วมในการปรับปรุงความสัมพันธ์หลายด้านโดยเฉพาะทางการทูตให้กลับอยู่ฉันท์ปกติเพราะเห็นว่างานหลังนี้ทำได้ง่ายกว่าหลังจากดำรงตำแหน่งผู้นำมาหลายปี

เมื่อถูกถามว่าต้องการตั้งสถานทูตอเมริกันในกรุงเตหะรานหรือไม่ในขณะที่สหรัฐปรับปรุงสัมพันธ์ทางการทูตกับคิวบา ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวว่าประเทศทั้งสองนี้แตกต่างกัน เขากล่าวว่าหลังจากการใช้นโยบายเดิมมานาน 50 ปี ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายต่อประเทศเล็กๆ อย่างคิวบาที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร แต่อิหร่านยังเป็นชาติที่ถือว่าอันตรายกว่า มีประวัติของการก่อการร้ายที่รัฐบาลหนุนหลังและไม่เป็นมิตรต่ออิสราเอล ตลอดจนยังพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ด้วย

ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่าความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับอิหร่านขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ในข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์ ในอนาคตอาจจะมีการยกเลิกมาตรการแซงชั่น อิหร่านอาจจะมีสัมพันธ์กับประชาคมโลก แต่ทั้งหมดทั้งมวล ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

สหรัฐไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านมาร่วม 34 ปีแล้วหลังจากผู้ประท้วงชาวอิหร่านเข้ายึดสถานทูตอเมริกาและจับเจ้าหน้าที่เป็นตัวประกัน สหรัฐพร้อมด้วยอังกฤษ จีน ฝรั่งเศส รัสเซียและเยอรมนี ได้พยายามเจรจากับอิหร่านมาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อเร่งเร้าให้อิหร่านพัฒนาโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติแต่อิหร่านปฏิเสธมาตลอดว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนมีจุดประสงค์ทางการทหาร

แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวได้ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาแต่ยังล้มเหลวที่จะเห็นพ้องกันและได้ขยายเวลาเจรจากันออกไปจนถึงปีหน้าโดยกำหนดเส้นตายเป็นปลายเดือนมิถุนายน

ในประเด็นการพัฒนาประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน การปกครองและการปฏิบัติตามกฏหมาย ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวว่าพม่าและตูนีเซียเป็นตัวอย่างของความคืบหน้าทางประชาธิปไตยที่เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ผู้นำสหรัฐชี้ว่าประเทศเหล่านี้เป็นโอกาสที่สหรัฐสามารถช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

เมื่อถามถึงการสร้างชาติในลิเบีย ซีเรียและอิรัก ผู้นำสหรัฐชี้ว่าการสร้างประชาธิปไตยใประเทศเหล่านี้เป็นโครงการที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคนและสหรัฐให้ความช่วยเหลือได้แต่ไม่สามารถทำแทนประเทศเหล่านี้ได้

ในประเด็นของรัสเซียและบทบาทของรัสเซียในยูเครน ผู้นำสหรัฐกล่าวว่าการเดินหน้าเพิ่มแรงกดดันจากมาตรการแซงชั่นจะมีผลให้เศรษฐกิจรัสเซียอ่อนไหวและจัดการยากมากขึ้น

ประธานาธิบดีสหรัฐยังกล่าวด้วยว่า หลังจากสงครามในอาฟกานิสถานและอิรักที่สร้างค่าใช้จ่ายอย่างมากแก่สหรัฐ ตนเองต้องการใช้ทรัพยากรของประเทศไปกับการพัฒนาในสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ถนน การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยพื้นฐาน