เมื่อวันพุธ เกาหลีใต้และญี่ปุ่นรายงานว่าเกาหลีเหนืออาจทดสอบยิงขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกล ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือครั้งแรกในปีนี้
กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือยิงวัตถุที่อาจเป็นขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกลหนึ่งลูกจากจังหวัดชากังทางตอนเหนือของประเทศไปยังทะเลทางตะวันออก ในขณะที่โนบุโอะ คิชิ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น ระบุว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงไกลราว 500 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ไม่มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดเพิ่มเติม โดยปกติเกาหลีเหนือจะประกาศการยิงขีปนาวุธทางหนังสือพิมพ์ของรัฐบาลในวันถัดไป
การยิงขีปนาวุธครั้งนี้เป็นการยิงครั้งแรกของเกาหลีเหนือนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ซึ่งในครั้งนั้นเกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกลจากเรือดำน้ำ โดยเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยใกล้หลายครั้งนับตั้งแต่กลางปีค.ศ. 2019 เป็นเวลาไม่นานหลังการเจรจาระหว่างนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ล้มเหลวลง
เมื่อวันพุธ นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ระบุว่า การยิงขิปนาวุธดังกล่าว “เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง” ในขณะที่สภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้จัดประชุมฉุกเฉินและแสดงความกังวล รวมถึงย้ำว่าจะต้องมีการกลับมาเจรจากับเกาหลีเหนือโดยเร็ว
การทดสอบขีปนาวุธนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังผู้นำเกาหลีเหนือส่งสาส์นในช่วงสิ้นปีที่บอกใบ้ถึงทิศทางนโยบายต่างประเทศเกาหลีเหนือในปีนี้ แม้เขาจะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่นายคิมก็รับปากว่าจะสนับสนุนการป้องกันประเทศเพื่อรับมือกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ “ไม่มั่นคง”
นักวิเคราะห์เตือนว่า เกาหลีเหนืออาจมีแรงจูงใจอื่นๆ ต่อการทดสอบยิงครั้งนี้ รวมถึงการเพิ่มแรงสนับสนุนทางการเมืองในประเทศ ทดสอบเทคโนโลยีใหม่ที่สำคัญ และแสดงการป้องปรามต่อสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือไม่ได้ทดสอบขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกลข้ามทวีปหรือทดสอบนิวเคลียร์มาตั้งแต่ปีค.ศ. 2017 ซึ่งการทดสอบครั้งนี้อาจยิ่งทำให้สหรัฐฯ มีท่าทีโต้ตอบที่ชัดเจนขึ้น
เมสัน ริชีย์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยฮันกุกในเกาหลีใต้ ระบุว่า เกาหลีเหนือน่าจะไม่เร่งทดสอบอาวุธก่อนที่จีนจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวปีหน้า ซึ่งจีนเป็นพันธมิตรและที่พึ่งทางเศรษฐกิจหลักของเกาหลีเหนือ
มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหลายฉบับห้ามเกาหลีเหนือจากการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกลใดๆ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปีค.ศ. 2019 สหรัฐฯ ลดท่าทีตอบโต้ต่อการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ของเกาหลีเหนือ โดยคาดว่าทำไปเพื่อพยายามรักษาความเป็นไปได้ในการเปิดวงเจรจากับเกาหลีเหนืออีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือเพิกเฉยต่อข้อเสนอในการกลับมาเจรจาของสหรัฐฯ โดยระบุว่า สหรัฐฯ ต้องยกเลิก “นโยบายที่เป็นศัตรู” ก่อน
เกาหลีเหนือยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการซ้อมรบร่วมกับชาติพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้ และถอนกองกำลังออกจากคาบสมุทรเกาหลี ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีกองกำลังราว 28,000 นายในเกาหลีใต้มาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเกาหลีเมื่อทศวรรษที่ 1950 ซึ่งยุติด้วยการหยุดยิง ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ
เมื่อวันอังคาร เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ย้ำว่า สหรัฐฯ พร้อมเจรจากับเกาหลีเหนือโดยไม่มีเงื่อนไขล่วงหน้า และสหรัฐฯ ไม่มีเจตนามุ่งเป็นศัตรูต่อเกาหลีเหนือ พร้อมหวังว่าเกาหลีเหนือจะตอบรับในเชิงบวกต่อคำขอนี้
เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ ที่ให้ความสำคัญต่อการเจรจากับเกาหลีเหนือ ระบุว่า เขายังคงมีความคาดหวังว่าจะมีการเจรจาเกิดขึ้น แม้เกาหลีเหนือจะทำการทดสอบอาวุธครั้งนี้ก็ตาม