“คิม จอง อึน” เตือนโลกอาจได้เห็น “อาวุธยุทธศาสตร์แบบใหม่”

People watch a TV screen showing a file image of North Korean leader Kim Jong Un during a news program at the Seoul Railway Station in Seoul, South Korea, Jan. 1, 2020.

Your browser doesn’t support HTML5

North Korea Warning

ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ส่งสัญญาณว่าการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ คงไม่มีความคืบหน้า และชาวเกาหลีเหนือควรเตรียมรับ ‘ความเป็นจริง’ ของมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจจากภายนอกประเทศ

ในคำแถลงหลังการประชุมพรรคปลายปี คิม จอง อึน แสดงท่าทีขัดขืนครั้งใหม่ต่อสหรัฐฯ เรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์

ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวว่า ชาวเกาหลีควรยอมรับว่าจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการลงโทษจาก ‘กลุ่มอำนาจที่ก้าวร้าว’ ในอนาคต เนื่องจาก ‘การเผชิญหน้าระยะยาวกับอเมริกา’
เขาขู่ด้วยว่าเกาหลีเหนืออาจจะกลับมาทดลองขีปนาวุธข้ามทวีปหรือการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ และว่าโลกอาจจะได้เห็น ‘อาวุธยุทธศาสตร์แบบใหม่’

ท่าทีล่าสุดของเกาหลีเหนือนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างนายคิมและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ไม่เกิดความคืบหน้า

Your browser doesn’t support HTML5

บทวิเคราะห์ ท่าที 'คิม จอง อึน' แข็งกร้าวเพื่อยกระดับการต่อรอง?

อาจารย์ แอนเดรย์ อับราฮาเมียน แห่ง มหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน วิทยาเขตเกาหลี กล่าวว่า การเจรจาที่ไม่บังเกิดผลที่ฮานอยทำให้เกาหลีเหนือเสียภาพลักษณ์ โดยฝ่ายคิม จอง อึน ต่อรองให้มีการผ่อนปรนมาตรการลงโทษ แต่ฝ่ายประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ยินยอม

นักวิชาการผู้นี้กล่าวว่า ด้วยเหตุที่ว่าคิม จอง อึน อาจจดูอ่อนแอในการเจรจาครั้งนั้น เขาจึงปรับท่าทีใหม่ให้แข็งกร้าวมากขึ้นในขณะนี้ ด้วยการแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนืออยู่ได้โดยที่สหรัฐฯ ไม่ต้องยกเลิกมาตรการลงโทษ

ที่การเจรจาในกรุงฮานอย คิม จอง อึน ขอให้อเมริกาผ่อนปรนมาตรการลงโทษ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการรื้อถอนบางส่วนของศูนย์นิวเคลียร์ยงเบียงในเกาหลีเหนือ แต่ฝ่ายประธานาธิบดีทรัมป์ไม่รับข้อเสนอดังกล่าว เพราะเขาต้องการให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ทั้งหมด

ถ้อยแถลงของนายคิมหลังการประชุมสิ้นปี ยังถูกมองว่าเป็นการส่งผลทางจิตวิทยาให้กลุ่มต่าง ๆ ในประเทศ ยังคงสวามิภักดิ์ต่อตน และย้ำถึงความสำคัญของการพึ่งพาตนเองในยามยาก

เจนนี ทาวน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือแห่งสถาบัน Stimson Center ที่กรุงวอชิงตัน กล่าวว่า คำพูดของคิม จอง อึน ชี้ให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงที่คนต้องเรียนรู้ซึ่งช่วยอธิบายการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

คิม จอง อึน กล่าวอ้อม ๆ ถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดนโยบาย ‘รัดเข็มขัด’ ในการเลือกถ้อยคำที่สื่อว่า ภายประชาชนอาจต้องทนรับสถานการณ์ เพื่อให้รัฐสามารถทุ่มเทต่อการเพิ่มศักยภาพทางนิวเคลียร์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์ ดูเยียน คิม แห่ง International Crisis Group กล่าวว่า ทางการเกาหลีเหนือชี้ว่าโครงการอาวุธนิวเคลียร์ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของความสำเร็จทางเศรษฐกิจ

ส่วน เรเชล มินยัง ลี ผู้สันทัดกรณีที่กรุงโซลแห่งเว็บไซต์ข่าวเจาะลึกเรื่องเกาหลีเหนือ NK News กล่าวว่า สัญญาณจากผู้นำคิมควรทำให้ชาวเกาหลีเหนือเข้าใจได้ว่าความยากลำบากกำลังรออยู่ข้างหน้า

ในบางช่วงของถ้อยแถลง ดูเหมือนว่าผู้นำคิมยอมรับว่ามาตรการลงโทษสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือ โดยเขากล่าวว่า “เราไม่สามารถยอมล้มเลิกความสำคัญด้านความมั่นคง เพื่อความสะดวกสบาย ความสุขและผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ”

เนื่องจากนายคิมยังคงไม่ปิดประตูต่อความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเจรจากับสหรัฐฯ แต่ยกระดับความแข็งกร้าวเรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ นักวิเคราะห์จึงชี้ว่า หากเกิดการเจรจาสุดยอดของสองผู้นำอีกครั้ง อเมริกาควรปฏิบัติต่อเกาหลีเหนือเยี่ยงคู่เจรจาที่เป็นประเทศซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวอย่างมีสำนึกรับผิดชอบ