ไม่กี่วันหลังจากที่ทำความตกลงกับสหรัฐว่า จะระงับโครงการปรับคุณภาพยูเรเนี่ยม เลิกการยิงจรวดรัศมีทำการระยะไกล และการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ แลกกับอาหาร 240,000 ตัน จากสหรัฐ เกาหลีเหนือประกาศว่าจะส่งดาวเทียมสังเกตการณ์ขึ้นไปโคจรรอบโลก โดยจะใช้จรวดรัศมีทำการระยะไกล ทำให้หลายชาติ ซึ่งรวมทั้ง จีนและรัสเซีย เกิดความวิตกกังวลและมีถ้อยแถลงตักเตือนเปียงยางออกมาในช่วงสุดสัปดาห์
คำประกาศของเกาหลีเหนือในเรื่องนี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายการข่าววิทยุจากเปียงยางเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอ้างคำพูดของโฆษกคณะกรรมการเทคโนโลยีอวกาศของรัฐบาลที่ว่า เกาหลีเหนือจะส่งดาวเทียมสังเกตการณ์ขึ้นไปในช่วงระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน ศกนี้
ผู้ประกาศข่าวของสถานีวิทยุของทางการเกาหลีเหนือ กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของการส่งดาวเทียมขึ้นไปครั้งนี้ ก็เพื่อฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบหนึ่งร้อยปีของอดีตประธานาธิบดี Kim Il Sung ผู้ก่อตั้งประเทศ ซึ่งถึงแก่มรณกรรมไปแล้ว
หลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป เรียกร้องให้เกาหลีเหนือยับยั้งแผนที่ว่านี้ โดยบอกว่าจะส่งผลเสียต่อความพยายามทางการทูตที่จะขบแก้ปัญหาเรื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และเตือนว่า จะเป็นการละเมิดข้อห้ามขององค์การสหประชาชาติในเรื่องการยิงจรวดรัศมีทำการระยะไกลและอาวุธนิวเคลียร์ เพราะสามารถนำเทคโนโลยีของจรวดประเภทนี้ ไปปรับใช้กับหัวรบนิวเคลียร์ได้
แม้จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของเกาหลีเหนือ ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ และรัสเซีย มีถ้อยแถลงแสดงความห่วงกังวลในเรื่องนี้ออกมาในช่วงสุดสัปดาห์
และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเตือนว่า ถ้าเกาหลีเหนือไปรับฟังคำทักท้วงของนานาชาติในเรื่องนี้ สหรัฐอาจไม่ส่งอาหารให้ตามที่ได้สัญญากันไว้เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือประกาศยืนยันความตั้งใจในรายการวิทยุเมื่อวันจันทร์ ที่จะใช้จรวดรัศมีทำการระยะไกลส่งดาวเทียมขึ้นไป โดยให้เหตุผลว่า เกาหลีเหนือมีสิทธิ์ที่จะใช้อวกาศอย่างสันติ ซึ่งศาสตราจารย์ Kim Yong-hyun นักวิชาการด้านเกาหลีเหนือศึกษาของมหาวิทยาลัย Dongguk ในเกาหลีใต้ กล่าวว่า สหรัฐและประเทศอื่นๆคงจะไม่เห็นด้วยแน่ๆ
นักวิชาการเกาหลีใต้ผู้นี้ ให้ความเห็นว่า ที่เกาหลีเหนือประกาศเรื่องการส่งดาวเทียมนี้ออกมา ก็เพื่อจะใช้เป็นเบี้ยต่อรองในการเจรจากับสหรัฐในอนาคต โดยไม่ต้องดำเนินการเคลื่อนไหวทางทหาร ซึ่งจะเป็นการยั่วยุมากจนเกินเหตุ