Your browser doesn’t support HTML5
รายงานข่าวเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และการที่ไม่มีใครเห็นหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แม้แต่ในพิธีฉลองครบรอบ 108 ปี ของ คิม อิล ซุง ผู้เป็นปู่และผู้สร้างชาติ ที่ยังไม่มีใครทราบแน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้น เริ่มนำไปสู่คำถามว่าใครจะขึ้นมานำประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ หาก คิม จอง อึน จากไป และหนึ่งในชื่อที่มีคนเริ่มพูดถึงคือ คิม โย จอง น้องสาวของผู้นำคนปัจจุบันนั่นเอง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คิม โย จอง แสดงบทบาทในการร่วมงานกับพี่ชายมากขึ้น และเริ่มแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงก็มีส่วนร่วมในการเมืองเกาหลีเหนือได้ ถ้าเป็นสายเลือดเดียวกับผู้ก่อตั้งประเทศ แม้จะเป็นที่ทราบกันว่าผู้หญิงในเกาหลีเหนือนั้น
มีบทบาทที่จำกัด และผู้ชายคือผู้ที่ควบคุมทุกอย่าง
สำหรับผู้หญิงในวัน 30 ต้นๆ คิม โย จอง แสดงให้เห็นหลายครั้งว่า เธอมีความสามารถและความพร้อมที่จะดูแลประเทศที่ปู่ของเธอสร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังเช่น การที่เธอยืนเคียงข้างพี่ชายในระหว่างการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง โดยได้นั่งข้างรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ หรือ การเป็นตัวแทนเกาหลีเหนือในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2018 และการเป็นตัวแทนตระกูลคิมคนแรกที่เยือนกรุงโซล เพื่อส่งมอบสารเชิญจาก คิม จอง อึน แก่ประธานาธิบดี มูน แจ-อิน มาร่วมการประชุมสูงสุด
และเมื่อไม่นานมานี้เอง คิม โย จอง ตอบจดหมายของปธน.ทรัมป์ ที่เสนอให้ความช่วยเหลือเรื่องการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเธอได้ตอบ ว่า “ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างผู้นำทั้งสองยังไม่เพียงพอที่จะช่วยยุติความเป็นศัตรูระหว่างสองประเทศได้ แต่เธอหวังว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ จะพัฒนาไปสู่ระดับที่ดีเหมือนที่ คิม จอง อึน และ โดนัลด์ ทรัมป์ มีต่อกัน ... โดยเกาหลีเหนือจะไม่เสียเวลา แต่จะมุ่งพัฒนาความสามารถของประเทศให้ยิ่งใหญ่ต่อไป”
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังคงถกเถียงกันว่า เธอมีสิทธิ์และโอกาสจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำเต็มตัวได้หรือไม่
ยู โฮ-โยล ซึ่งสอนวิชาเกาหลีเหนือศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกาหลี และเคยเป็นที่ปรึกษากระทรวงรวมชาติและกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ เชื่อว่า อย่างมาก คิม โย จอง คงได้เป็นแค่ผู้สำเร็จราชการ เพราะไม่เพียงแต่บรรดาผู้บริหารรัฐบาลที่มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่จะต่อต้านการขึ้นสู่อำนาจของเธอ คนทั่วไปในเกาหลีเหนือก็จะไม่เห็นด้วยง่ายๆ เช่นกัน
แต่ ซู คิม นักวิเคราะห์ด้านนโยบายและผู้เชี่ยวชาญประเด็นเรื่องความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี จาก Rand Corp มองว่า คิม โย จอง มีส่วนร่วมในการบริหารประเทศมาเกือบทศวรรษ และเตรียมพร้อมที่จะรับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากวันหนึ่ง เธอจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำจริงๆ
อันที่จริง นอกจาก คิม โย จอง แล้ว มีตัวเลือกอื่นๆ ที่อาจจะขึ้นมานำเกาหลีเหนือได้ อาทิ น้องชายคนเล็ก คิม จอง โชล ซึ่งไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองและไม่มีตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล รวมทั้งดูจะสนใจเรื่องการเล่นกีตาร์มากกว่าการเมือง หรือ หลานชายของ คิม จอง อึน ซึ่งก็คือ คิม ฮัน โซล ซึ่งแสดงความชังเกาหลีเหนือ และเชื่อว่าใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศในเวลานี้ หรือแม้แต่ บุตรชายวัย 10 ปี ของผู้นำคนปัจจุบัน ซึ่งสื่อรัฐของเกาหลีเหนือไม่เคยพูดถึงเท่าใดเลย
แท ยอง โฮ ซึ่งเคยเป็นอดีตเบอร์สองของสถานทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงลอนดอน และแปรพักตร์ไปอยู่เกาหลีใต้แล้ว ให้สัมภาษณ์กับสื่อวิทยุแห่งหนึ่งว่า อีกคนที่อาจขึ้นมาแทน คิม จอง อึน คือ คิม เปียง อิล ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ของผู้ก่อตั้งประเทศ คิม อิล ซุง และเพิ่งย้ายกลับมาที่เกาหลีเหนือเมื่อปีที่แล้ว หลังทำหน้าที่นักการทูตอยู่ต่างประเทศมาถึง 4 ทศวรรษ
อย่างไรก็ดี คิม โย จอง ผู้ได้รับการศึกษาที่กรุงเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์เหมือนพี่ชาย ก่อนจะกลับมาศึกษาต่อที่เกาหลีเหนือในปี ค.ศ. 2000 ยังดูมีภาษีเหนือกว่าคนอื่นๆ มาก โดยเฉพาะเมื่อเธอเข้าร่วมงานที่ Party Propaganda and Agitation Department และมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลภาพลักษณ์ของผู้นำ ซึ่งเป็นงานคล้ายๆ กับที่ คิม จอง อิล บิดาของเธอและอดีตผู้นำ เคยทำ ก่อนที่จะปรากฏกายข้างพี่ชายในกิจการต่างๆ ทั้งการเยี่ยมชมโรงงาน พื้นที่เกษตร และหน่วยทหาร ก่อนจะเข้าร่วมงานสำคัญๆ ระดับนานาชาติภายหลัง
ชุน ยุงวู อดีตผู้แทนพิเศษเกาหลีใต้เจรจาประเด็นนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ กล่าวว่า จุดยืนของ คิม โย จอง ในเวลานี้ ยืนยันว่า เธอไม่ใช่เพียงผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เป็นหนึ่งในผู้นำที่มีความชอบธรรมที่จะนำประเทศ แม้แต่ในเกาหลีเหนือที่ผู้ชายเป็นใหญ่ แต่สายเลือดของเธอและบทบาทในพรรคคนงานเกาหลีที่นำการปกครองประเทศ คือ สิ่งที่ชี้ว่า คิม โย จอง มีโอกาสขึ้นมาเป็นที่หนึ่งในอนาคตได้