เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธที่เชื่อว่าเป็นขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกลข้ามทวีป หรือ ICBM เมื่อวันพุธ ซึ่งเดินทางไปได้ไกลราว 74 นาทีจากจุดปล่อยขีปนาวุธ และถือเป็นการยิงขีปนาวุธที่ยาวนานที่สุดของเกาหลีเหนือในขณะนี้ อีกทั้งยังเกิดขึ้นในระหว่างที่ผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดนาโต้ที่ลิทัวเนีย
เกาหลีเหนือใช้โอกาสช่วงสั้น ๆ ในฤดูมรสุมช่วงสัปดาห์นี้ ยิงสิ่งที่รัฐบาลกรุงโซลเรียกว่าขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกล
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ขีปนาวุธดังกล่าวอาจเป็นการทดสอบขีปนาวุธรอบใหม่ของเกาหลีเหนือ ที่เป็นขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกลข้ามทวีปซึ่งใช้เชื้อเพลิงแข็ง ในชื่อ ฮวาซอง-18 หลังจากการทดสอบขีปนาวุธลักษณะดังกล่าวครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 3 เดือนก่อน
ทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตรวจพบขีปนาวุธเมื่อช่วง 10 นาฬิกาของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น โดยเชื่อว่าเป็นขีปนาวุธที่เดินทางได้ยาวนานที่สุดเท่าที่เกาหลีเหนือเคยทดสอบมา โดยพุ่งออกไปจากชั้นบรรยากาศโลกด้วยวิถีบินสูง ก่อนจะตกลงห่างจากกรุงเปียงยางไปทางตะวันออกราว 1,000 กิโลเมตร ในอีก 74 นาทีต่อมา
ด้านรัฐบาลกรุงโตเกียว ไม่เชื่อว่าขีปนาวุธดังกล่าวมี “สิ่งที่เรียกว่าดาวเทียม” อยู่ด้วย โดยระบุว่า ขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกลข้ามทวีป เดินทางไปถึงความสูงระดับสูงสุดที่มากกว่า 6,000 กิโลเมตร ซึ่งหากบินในวิถีโค้งโดยปกติแล้ว ตามทฤษฎีก็คือจะเดินทางไปถึงสหรัฐฯ และพื้นที่อื่น ๆ ในโลกได้เลย
ประเด็นการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เป็นวาระหนึ่งที่ประธานาธิบดียุน ซุก ยอล แห่งเกาหลีใต้ หยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมสุดยอดนาโต้ ที่ลิทัวเนีย เขากล่าวขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ “คือภัยคุกคามที่แท้จริง ไม่เพียงแต่กับกรุงวิลนีอุส แต่ยังรวมถึงกรุงปารีส กรุงเบอร์ลิน และกรุงลอนดอน” และเรียกร้องให้นานาประเทศร่วมมือกันมากขึ้นกว่านี้เกี่ยวกับโครงการขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
อาจารย์วอน กอน ปาร์ค แห่ง Ewha University ให้ทัศนะกับวีโอเอว่า การทดสอบขีปนาวุธรอบล่าสุด มาในช่วงที่เกาหลีเหนือต้องการ “ชัยชนะ” อย่างมาก ก่อนวาระครบรอบสำคัญในเดือนนี้ คือ วันที่ 27 กรกฎาคม ที่ในสายตานานาชาติ คือวันที่สิ้นสุดสงครามเกาหลี แต่สำหรับกรุงเปียงยางแล้ว นี่คือ วันที่เกาหลีเหนือ “ชนะ” สงคราม
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ รัฐบาลเปียงยางยิงโดรนและเครื่องบินสอดแนมสหรัฐฯ ฐาน “บุกรุก” เข้ามาในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของเกาหลีเหนือ บริเวณพรมแดนทางทะเล และเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจในเรื่องนี้ผ่านทางสื่อรัฐบาลเปียงยาง KCNA
ในวันอังคาร คิม โย จอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของคิม จอง อึน ได้เตือนว่าการบุกเข้ามาซ้ำ ๆ จะเป็นการเชื้อเชิญให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ ซึ่งเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียขึ้นมาอีกครั้ง แต่ฝั่งรัฐบาลวอชิงตันและรัฐบาลกรุงโซล ระบุว่าข้อกล่าวหาของเกาหลีเหนือไม่มีมูล และว่าเป็นการบินลาดตระเวณที่เกิดขึ้นโดยปกติอยู่แล้ว
- ที่มา: วีโอเอ