เกาหลีเหนือไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะปลดอาวุธนิวเคลียร์ในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติวันสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
นาย คิม ซอง ทูตเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า ในโลกยุคปัจจุบันที่ผู้มีกำลังคือผู้ได้เปรียบ การรักษาสันติภาพอย่างแท้จริงจึงจำเป็นต้องมีกำลังอย่างสมบูรณ์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามขึ้น โดยเกาหลีเหนือได้ดำเนินการ “รัดเข็มขัด” ทำให้ปกป้องสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคคาบสมุทรเกาหลีได้อย่างมั่นคง
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบได้ และจะไม่กลับมาติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์อีก อย่างไรก็ตาม การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ทั้งสองครั้งที่ผ่านมา กลับไม่มีความคืบหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ความสัมพันธ์ส่วนตัวของผู้นำทั้งสองที่เคยอบอุ่นยังห่างเหินขึ้นด้วย
ทูตเกาหลีเหนือยังโจมตีเกาหลีใต้ที่่ตัดสินใจผลิตเครื่องบินขับไล่โจมตี KF-X ภายในเดือนเมษายนปีหน้า โดยทูตซองกล่าวว่า ยังมีการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์รวมทั้งเครื่องบินขับไล่ในคาบสมุทรเกาหลี และมีการพุ่งเป้าโจมตีอาวุธนิวเคลียร์มายังเกาหลีเหนือ
South Korea Koreas Projectile
เกาหลีเหนือยังระบุด้วยว่า การที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ร่วมซ้อมรบในภูมิภาคดังกล่าวเป็นประจำ โดยครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม เป็น “นโยบายที่เป็นปรปักษ์”
นาย คิม ซองยังกล่าวเป็นนัยถึงความยากลำบากที่เกาหลีเหนือเผชิญจากการถูกนานาชาติลงโทษขัดขวางไม่ให้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ โดยเขาระบุว่า ในขณะที่เกาหลีเหนือต้องการสภาพแวดล้อมภายนอกที่เอื้อต่อการสร้างเศรษฐกิจ แต่เกาหลีเหนือก็ไม่สามารถแลกศักดิ์ศรีที่พวกเขารักยิ่งชีพเพียงเพื่อหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้
ทั้งนี้ คิม ซองเป็นหนึ่งในทูตไม่กี่คนที่กล่าวสุนทรพจน์ในเวทีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติด้วยตนเอง ในขณะที่บรรดาผู้นำประเทศส่งคลิปวิดีโอที่อัดไว้ล่วงหน้าเพื่อเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ การประชุมในปีนี้ส่วนใหญ่จัดในรูปแบบออนไลน์เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
แม้ว่าเขาได้ชื่นชมคิม จอง อึน ว่ามีสติปัญญาและความแน่วแน่ในการควบคุมโรคระบาดในเกาหลีเหนือได้อย่างปลอดภัย ไม่มีใครทราบข้อมูลการระบาดของไวรัสโควิด-19ในเกาหลีเหนืออย่างแน่ชัดเนื่องจากไม่มีการรายงานข้อมูลแก่องค์การอนามัยโลก