Your browser doesn’t support HTML5
ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อจากโควิด-19 โดยเฉลี่ยของสหรัฐฯ ลดลงอยู่ในระดับไม่ถึง 30,000 รายต่อวันในสัปดาห์นี้ และมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยในรอบเจ็ดวันอยู่ที่ 552 คนต่อวันนั้น หลายรัฐได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ และผู้คนทั่วไปก็หวังว่าใกล้จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขก็เตือนว่า อัตราการรับวัคซีนในบางพื้นที่ซึ่งยังต่ำอยู่มากอาจทำให้มีการระบาดครั้งใหม่และเป็นโอกาสที่เชื้อจะกลายพันธุ์ได้
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาล และผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงระดับโดยเฉลี่ยต่ำที่สุดในรอบเกือบหนึ่งปีนั้น ผู้คนในหลายพื้นที่ของสหรัฐฯ ก็เริ่มกลับไปใช้ชีวิตแบบเกือบปกติ เช่นมีการสวมกอด ถอดหน้ากาก และมีกิจกรรมจัดงานซึ่งมีการรวมตัวของผู้คนจำนวนมากเป็นต้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขให้คำอธิบายว่าการเร่งกระจายวัคซีนในสหรัฐฯ อย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้อเมริกามาถึงจุดนี้ได้ โดยขณะนี้ตัวเลขโดยรวมแสดงว่ากว่า 60% ของคนอเมริกันอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็มและมีเกือบ 50% ที่ได้วัคซีนครบโดสแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คืออัตราการรับวัคซีนในแต่ละพื้นที่นั้นไม่เท่ากัน และความสนใจที่จะรับวัคซีนของคนอเมริกันก็เริ่มลดลงตามไปด้วยทำให้ทางรัฐบาลกลาง และมลรัฐต่าง ๆ ต้องพยายามหาวิธีจูงใจให้คนเข้ารับวัคซีน เช่น รัฐบาลกลางได้ร่วมมือกับ dating apps หรือแอพหาคู่ต่าง ๆ ให้เพิ่มรางวัลสำหรับผู้ได้รับวัคซีนแล้ว หรือมีการแสดงป้ายรับรองการรับวัคซีนบนหน้าโปรไฟล์ส่วนบุคคลของแอพหาคู่ เป็นต้น
ส่วนรัฐอื่น ๆ เช่น โอไฮโอ นิวยอร์ก และโอเรกอน ก็เชิญชวนให้คนฉีดวัคซีนแลกกับโอกาสที่จะถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ 5 ล้านดอลลาร์
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือนว่าคนอเมริกันยังเข้ารับวัคซีนในอัตราไม่พอที่จะกำจัดไวรัสโควิด-19 นี้ได้ และช่องว่างดังกล่าวรวมทั้งการปล่อยตัวไม่ใช้มาตรการป้องกันก็จะเปิดโอกาสให้เชื้อไวรัสกลับมาระบาดใหม่ได้อีกครั้งด้วยการกลายพันธุ์
ยกตัวอย่างเช่น ในรัฐมิชิแกนซึ่งมีอัตราการรับวัคซีนครบโดสเพียงราว 38% มีการเริ่มงาน Art Fair ซึ่งปกติแล้วจะมีผู้เข้าร่วมงานระหว่าง 5,000 ถึง 10,000 คน ส่วนที่เมืองโมบิล รัฐอาลาบามาซึ่งมีอัตราการรับวัคซีนต่ำมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศคือเพียง 27% นั้นก็มีการจัดงานพาเหรดแบบ Mardi-Gras โดยผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากาก เป็นต้น
เมื่อวันศุกร์ปลายสัปดาห์ที่แล้ว ศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่งในรัฐหลุยส์เซียนา รายงานการพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียในผู้ป่วยสองรายแรกของรัฐ โดยเชื้อสายพันธุ์นี้ได้มีการพบมาก่อนแล้วในรัฐอื่น ๆ เช่น รัฐเทนเนสซี เนบราสก้า และเนวาดาเช่นกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายแพทย์ฟิลิปเจ แลนดิแกน ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของ Boston College ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัสและความจำเป็นที่ผู้คนยังควรต้องใช้ความระมัดระวังอยู่ต่อไปในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้
แต่ขณะที่หลายรัฐเริ่มจะยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับการสวมหน้ากากและการเว้นระยะห่างนั้น ก็ยังมีอย่างน้อยรัฐหนึ่งซึ่งดูจะยืนหยัดไม่ยอมปล่อยให้การ์ดตกง่าย ๆ โดยผู้ว่าการของรัฐเวอร์มอนท์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีอัตราการรับวัคซีนหนึ่งเข็มสูงที่สุดในประเทศ ได้โยงเรื่องการผ่อนคลายมาตรการจำกัดต่าง ๆ เข้ากับอัตราการรับวัคซีน และประกาศจะยกเลิกมาตรการควบคุมทั้งหมดที่เหลืออยู่ก่อนวันที่ 4 กรกฎาคม หากประชาชนของรัฐ 80% เข้ารับวัคซีน
นายแพทย์ฟิลลิป แลนดิแกนของ Boston College ก็เตือนเช่นกันว่า การจะรับมือกับไวรัสโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิต้านทานหมู่อย่างได้ผลท่ามกลางไวรัสที่กลายพันธุ์นั้นอัตราการรับวัคซีนทั่วประเทศควรจะต้องอยู่ที่ระดับอย่างน้อย 85%