สหรัฐฯ เริ่มขึ้นภาษีไวน์-ชิ้นส่วนเครื่องบินจากฝรั่งเศสและเยอรมนีแล้ว

FILE - French President Emmanuel Macron drinks wine during a visit to the International Agriculture Fair (Salon de l'Agriculture) at the Porte de Versailles exhibition center in Paris, Feb. 22, 2020.

Your browser doesn’t support HTML5

Business News


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีชุดใหม่กับชิ้นส่วนเครื่องบิน ไวน์ และสินค้าบางอย่าง ที่มาจากฝรั่งเศสและเยอรมนีแล้วในวันอังคาร หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปเรื่องการอุดหนุนอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบินได้

เมื่อวันจันทร์ สำนักงานศุลกากรและการปกป้องพรมแดนของสหรัฐฯ ส่งคำเตือนไปยังบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้าถึงอัตราภาษีใหม่ที่จะเริ่มเก็บในวันอังคาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับอียูมานานหลายปี

โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุว่า สินค้าประเภทชิ้นส่วนเครื่องบินจากยุโรปจะถูกเก็บภาษีเพิ่มอีก 15% ขณะที่ไวน์จากฝรั่งเศสและเยอรมนีจะถูกเก็บภาษีเพิ่มอีก 25%

ด้านบริษัทแอร์บัสของฝรั่งเศส กล่าวว่า การเพิ่มอัตราภาษีใหม่นี้จะทำให้เกิดผลเสียต่อสหรัฐฯ เอง รวมทั้งอาจทำให้เกิดการลดตำแหน่งงานที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินแอร์บัส A320 และ A220 ในรัฐแอละบามาด้วย

การเจรจาการค้าเพื่อหาข้อยุติความขัดแย้งเรื่องการอุดหนุนบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้งของสหรัฐฯ และบริษัทแอร์บัสของยุโรป ประสบความล้มเหลวในช่วงไม่กี่สัปดาห์สุดท้ายของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ โดยทางสหภาพยุโรปหวังว่าจะดำเนินการเจรจาต่อไปกับรัฐบาลชุดใหม่ของนายโจ ไบเดน เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้

ทั้งนี้ สหรัฐฯ และอียูมีข้อพิพาทการค้าระหว่างกันในอุตสาหกรรมการบินมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 จากประเด็นการให้การสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตอากาศยาน 2 รายใหญ่ คือ แอร์บัส และโบอิ้ง และเท่าที่ผ่านมาองค์การการค้าโลก มีคำตัดสินที่คัดค้านการสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินของทั้ง 2 ฝ่ายสลับกันไป

ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า ประเด็นความขัดแย้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรมเท่านั้น แต่อาจขัดกับกฎหมายการค้าระหว่างประเทศด้วย