หลังจากที่นายเบนจามิน เนทันยาฮู ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิสราเอลและหัวหน้าพรรคลิคุด (Likud) มายาวนาน 12 ปี ในที่สุดอิสราเอลก็ได้รัฐบาลชุดใหม่ และนาย เนทันยาฮูก็พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ.2009
รัฐบาลชุดใหม่ของอิสราเอลซึ่งผ่านการรับรองอย่างฉิวเฉียดจากรัฐสภาด้วยคะแนนเสียง 60 ต่อ 59 ประกอบด้วยพรรคการเมือง 8 พรรค ตั้งแต่พรรคแนวทางเสรีนิยม อนุรักษ์นิยม แนวทางสายกลาง ไปจนถึงพรรคตัวแทนของชนกลุ่มน้อยชาวอาหรับที่เข้าร่วมรัฐบาลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
นายนาฟตาลี เบนเนตต์ หัวหน้าพรรคยามีน่า จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นเวลา 2 ปี ก่อนที่นายยาอีร์ ลาปิด หัวหน้าพรรคเยช อาติด จะสลับขึ้นดำรงตำแหน่งในช่วงเวลาที่เหลือ
ประชาชนในกรุงเทลอาวีฟต่างออกมาเฉลิมฉลองกันตามท้องถนนในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อทราบว่านายเนทันยาฮูไม่ได้ไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิสราเอล
สำหรับว่าที่นายกฯ คนใหม่ นายนาฟตาลี เบนเนตต์ ปัจจุบันอายุ 49 ปี มีบิดามารดาเป็นชาวอเมริกัน โดยในการกล่าวปราศรัยประกาศชัยชนะ เขารับปากว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของชาวอิสราเอลทุกคน รวมทั้งคนที่ไม่ได้ออกเสียงเลือกเขาด้วย และสัญญาว่าจากนี้ไปจะเป็นยุคใหม่ของพลเมืองชาวอาหรับในอิสราเอล
นักวิเคราะห์การเมือง กาย เบน โพแรต กล่าวว่า การมีพรรคของพลเมืองชาวอาหรับเข้าร่วมในรัฐบาลเป็นครั้งแรกถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญทางการเมืองของอิสราเอล โดยปัจจุบัน ชาวอาหรับมีสัดส่วนราว 20% ของพลเมืองทั้งหมดของอิสราเอล และมักจะตกเป็นฝ่ายถูกเลือกปฏิบัติมาตลอด
อย่างไรก็ตาม การที่พรรคพันธมิตรใหม่นี้มีจุดยืนและนโยบายที่แตกต่างกันมาก โดยมีจุดร่วมเพียงอย่างเดียวคือต้องการขับนายกฯ เนทันยาฮู ลงจากตำแหน่ง ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าพรรคพันธมิตรนี้มีความเปราะบางและอาจแตกคอกันได้ตลอดเวลาเช่นกัน
ทางด้านอดีตนายกฯ เนทันยาฮู ยังคงกล่าวโจมตีนายเบนเนตต์และรัฐบาลชุดใหม่ว่าโกหกปลิ้นปล้อน และกล่าวหาการจัดตั้งพรรคพันธมิตรครั้งนี้ว่า “การโกงแห่งศตวรรษ” หลังจากที่นายเบนเนตต์เคยสัญญาไว้ว่าจะไม่เข้าร่วมกับนายลาปิด
เนทันยาฮู กล่าวด้วยว่า เวลานี้อิหร่านกำลังฉลองครั้งใหญ่ และรัฐบาลของนายเบนเนตต์จะไม่สามารถหยุดยั้งอิหร่านจากการเป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ได้ พร้อมรับปากว่าตนจะพยายามล้มรัฐบาลชุดใหม่และกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่หลายคนคิดไว้