Your browser doesn’t support HTML5
ประธานาธิบดีพลเรือนคนแรกของเมียนม่าร์ในรอบกว่า 50 ปี สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันพุธ หลังจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. และได้จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
ประธานาธิบดีคนใหม่วัย 70 ปีของเมียนม่าร์ ถิ่น จอว์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันพุธ ซึ่งถือเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของเมียนม่าร์ หลังตกอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองแบบทหารหรือระบอบที่ทหารคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962
ปธน. คนใหม่ ผู้ใกล้ชิดกับนางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในพิธีสาบานตนว่าจะจงรักภักดีต่อสหภาพเมียนม่าร์
ปธน. ถิ่น จอว์ กล่าวว่ารัฐบาลเมียนม่าร์จะเริ่มดำเนินกระบวนการปรองดองภายในประเทศ ทำข้อตกลงสันติภาพกับชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ จัดตั้งสถาบันตามระบอบประชาธิปไตย รวมถึงสหภาพแรงงาน ตลอดจนยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าความสำเร็จของรัฐบาลเมียนม่าร์ชุดใหม่ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับกองทัพด้วยเช่นกัน เนื่องจากภายใต้รัฐธรรมนูญของเมียนม่าร์ กองทัพยังเป็นผู้ครอบครองที่นั่ง 1 ใน 4 ในรัฐสภา รวมทั้งตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ เช่นมหาดไทย และกลาโหม
นักวิเคราะห์ Sean Turnell แห่งมหาวิทยาลัย Macquarie ในออสเตรเลีย ให้ความเห็นว่าประชาธิปไตยของเมียนม่าร์ยังไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มใบอย่างที่คาดหวังกันไว้ เพราะทหารยังคงมีบทบาทอย่างมากทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ ถึงกระนั้นวันนี้ก็ถือเป็นวันพิเศษสำหรับความก้าวหน้าด้านประชาธิปไตยในเมียนม่าร์
ระหว่างการกล่าวปราศรัยในพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ปธน. ถิ่น จอว์ ได้รับปากว่าจะปรับแก้รัฐธรรมนูญให้มีความสมบูรณ์ตามแบบประชาธิปไตย ซึ่งบทบัญญัติบทหนึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับที่ผู้นำทหารร่างขึ้นนี้ ระบุว่าผู้ที่มีคู่ครองหรือบุตรเป็นชาวต่างชาติจะไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ ซึ่งก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าเป็นการกีดกันไม่ให้นางออง ซาน ซูจี ได้เป็นประธานาธิบดี
แต่นางซูจีได้ยืนยันไว้แล้วว่า เธอจะช่วยปกครองประเทศผ่านการทำงานร่วมกับ ปธน.ถิ่น จอว์ ซึ่งเป็นทั้งคนสนิทและเพื่อนตั้งแต่วัยเด็ก นอกจากนี้เธอยังจะนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีของกระทรวงที่อยู่ในโควต้าของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ได้แก่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการศึกษา กระทรวงพลังงาน และสำนักประธานาธิบดี
นักวิเคราะห์ Sean Turnell ชี้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่นางออง ซาน ซูจี ต้องทำหน้าที่คุมกระทรวงต่างๆ เหล่านั้น โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ เพราะจะทำให้เธอสามารถเข้าถึงสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ถือเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดของเมียนม่าร์ได้
และในวันนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบาม่า ได้มีคำแถลงแสดงความยินดีต่อ ปธน.คนใหม่ของเมียนม่าร์ โดยบอกว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเมียนม่าร์ภายใต้การปกครองของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง กับการก้าวสู่เส้นทางแห่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ซึ่งมาจากการต่อสู้ร่วมกันทั้งในภาคประชาชน สถาบันทางการเมืองและบรรดาผู้นำต่างๆ เพื่อการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ นับตั้งแต่เริ่มกระบวนการปฏิรูปประเทศมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว
(ผู้สื่อข่าว Victor Beattie รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)