Your browser doesn’t support HTML5
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศของเมียนมา กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า รัฐบาลทหารเมียนมากำลังพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจเมียนมาที่ถดถอยมาตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และรักษาเสถียรภาพของค่าเงินจ๊าด
ตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร เงินจ๊าดมีค่าตกลงกว่า 60% อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น 6.51% ขณะที่เงินสดสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ระดับ 11 ล้านล้านจ๊าด หรือราว 6,000 ล้านดอลลาร์ ตามการเปิดเผยของรัฐมนตรีอ่อง เนียง อู ลดลงจากระดับ 7,670 ล้านดอลลาร์ที่ธนาคารโลกประเมินไว้เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา
รัฐมนตรีการลงทุนของเมียนมากล่าวว่า เมียนมาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 แต่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลซึ่งได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติก็มีส่วนต่อการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในเมียนมาในขณะนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามว่าประเทศไหนอยู่เบื้องหลัง "การก่อวินาศกรรมทางเศรษฐกิจ" ต่อเมียนมา และมีหลักฐานอะไรสนับสนุนข้อกล่าวหานี้ รัฐมนตรีอ่อง เนียง อู ปฏิเสธที่จะระบุชื่อ เพียงแต่ตอบว่า "มีหลักฐานจำนวนหนึ่งที่บ่งชี้ถึงการแทรกแซง" และยังบอกด้วยว่า สื่อต่างชาติพยายามทำให้ปัญหาเศรษฐกิจของเมียนมาดูใหญ่โตเกินจริง และหวังว่าทุกอย่างจะกลับสู่ปกติภายในเวลาไม่กี่เดือน
รัฐมนตรีอู ระบุว่า 8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทต่างชาติ 6 แห่งได้ขออนุญาตถอนกิจการออกจากเมียนมา ซึ่งรวมถึงบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของนอร์เวย์ เทเลนอร์ (Telenor) และมีอีกหลายบริษัทระงับการดำเนินธุรกิจในเมียนมาแล้ว
ทั้งนี้ ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเมียนมาจะหดตัว 18% ในปีนี้ เนื่องจากค่าเงินจ๊าดที่ลดลงและอัตราเงินเฟ้อ
รัฐมนตรีอู กล่าวว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้ใช้มาตรการหลายอย่างเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินจ๊าด รวมถึงการสนับสนุนให้ใช้ธุรกรรมออนไลน์ การให้เงินกู้แก่เกษตรกรและการเลื่อนชำระหนี้ เป็นต้น