แม้ชาวต่างชาติพากันทยอยออกจากอิสราเอลหลังความขัดแย้งกับกลุ่มฮามาสปะทุครั้งล่าสุด แต่ชาวเมียนมาส่วนใหญ่ยังไม่มีแผนเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากห่วงเรื่องความปลอดภัยนับตั้งแต่ทหารยึดอำนาจเมื่อปี 2021
คุน อ่อง พนักงานร้านอาหารชาวเมียนมาในอิสราเอล กล่าวกับวีโอเอว่า เขารู้สึกปลอดภัยที่จะอยู่ในอิสราเอล และกล่าวด้วยว่า “อย่างน้อยเวลาเราได้ยินเสียงไซเรนเตือนการโจมตีก่อนล่วงหน้า เราก็มีเวลาที่จะหาที่หลบ ที่เมียนมาไม่มีการเตือนล่วงหน้าแบบนั้น และการโจมตีมาจากกองทัพของเราเอง ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยในเมียนมานับตั้งแต่ทหารยึดอำนาจ”
ปัจจุบัน อ่องอาศัยอยู่ที่กรุงเทลอาวีฟ เดิมทีเขาเดินทางมายังอิสราเอลเพื่อศึกษาด้านการเกษตรเมื่อปี 2019 แต่หลังเจอกับการระบาดของโควิด-19 และการรัฐประหารที่เมียนมา เขาจึงตัดสินใจใช้ชีวิตในอิสราเอล
อ่องเล่าว่า สมัยที่เขาฝึกงานอยู่ที่ชายแดนฉนวนกาซ่า จะได้ยินเสียงเตือนการโจมตีจากจรวดเป็นปกติวิสัย แต่การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจทั้งในแง่ความทารุณและระดับของการจู่โจม ซึ่งชาวเมียนมาในอิสราเอลหลายคนก็มีความเห็นไปในทางเดียวกัน
วิน โค นักธุรกิจชาวเมียนมาที่อาศัยในกรุงเทลอาวีฟกับครอบครัว ก็กล่าวกับวีโอว่าลังเลที่จะเดินทางกลับเช่นกัน โดยกล่าวว่า “แน่นอนว่าเรากังวลถึงอันตรายจากกองกำลังฮามาส แต่กองทัพอิสราเอลก็ทุ่มเทเพื่อปกป้องประชาชนของตนเต็มที่ แต่ในเมียนมา กองทัพใช้กำลังกับพลเมืองของตัวเอง ทำให้รู้สึกว่าที่อิสราเอลกลายเป็นสถานที่ปลอดภัยเมื่อเปรียบเทียบกัน”
เจ้าหน้าที่จากสถานทูตเมียนมา ประจำกรุงเทลอาวีฟ กล่าวกับวีโอเอว่า มีชาวเมียนมาอาศัยอยู่ในอิสราเอลราว 200 คน และเชื่อว่าทุกคนปลอดภัยดี
ข้อมูลจากเว็บไซต์สถานทูตชี้แจงให้ชาวเมียนมาติดต่อสถานทูตผ่านทางโทรศัพท์สายด่วน และมีการจัดเที่ยวบินสำหรับผู้ต้องการเดินทางกลับประเทศไว้แล้ว
แถลงการณ์ของรัฐบาลทหารเมียนมาเมื่อ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ระบุว่า “เมียนมาขอให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ยับยั้งชั่งใจและแก้ไขปัญหาอย่างสันติ”
ในขณะที่แถลงการณ์จากรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Governemt - NUG) รัฐบาลเงาฝ่ายตรงข้ามกับคณะรัฐประหาร ออกแถลงการณ์แสดงความเห็นใจผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส รวมถึงชาวเมียนมาในอิสราเอลด้วย และทั้งอิสราเอลและฮามาส มีหน้าที่ต้องปกป้องพลเรือน
ดู่หว่า ละชี ละ รักษาการณ์ผู้นำรัฐบาล NUG ระบุในแถลงการณ์บนแพลตฟอร์ม X เรียกร้องให้มีการคุ้มครองพลเรือนทุกฝ่าย และให้มีการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน
ซานโตส (นามสมมติ) ชาวเมียนมาในอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอโดยไม่ให้ชื่อ ระบุว่าสงครามและเสียงเตือนการโจมตี ไม่เพียงทำให้เขาอยู่ในภาวะวิตกกังวล แต่ธุรกิจที่ต้องถูกสั่งปิดเพื่อหนีภัยสงคราม และราคาของสินค้าที่แพงขึ้น ทำให้เขาใช้ชีวิตยากขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ดี เขาระบุว่าขออยู่ที่อิสราเอลมากกว่ากลับไปที่เมียนมา
ซานโตสกล่าวด้วยว่า มีชุมชนชาวเมียนมาที่ออกไปช่วยเหลือกองทัพอิสราเอล ด้วยการเป็นแรงงานช่วยทำอาหาร ซักผ้า หรือจัดส่งสิ่งของ โดยกลุ่มของเขาที่มีอยู่ราว 10 คน ก็มีแผนจะเดินทางไปสนับสนุนทหารอิสราเอลเช่นเดียวกัน
- ที่มา: VOA