ครบ 100 วันรัฐประหารเมียนมา: วิเคราะห์ “ภาพลวงตา” ว่ากองทัพควบคุมเกมได้

An anti-coup protester shows the three fingered salute of resistance on his red painted hand in memory of protesters who lost their lives during previous demonstrations in Yangon, Myanmar on Tuesday, April 6, 2021.

Your browser doesn’t support HTML5

100 Days Myanmar Junta


การลุกฮือต่อต้านทหารเมียนมาที่โค่นรัฐบาลของนางออง ซาน ซูจี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้กองทัพที่ปกครองประเทศเผชิญความยากลำบากในการรักษาภาพลักษณ์ว่าสามารถคุมสถานการณ์ในประเทศได้

เมื่อกองทัพเดินทางเข้าสู่วันที่ 100 แห่งการครองอำนาจ ฝ่ายความมั่นคง ต้องรับมือความเหตุระส่ำระสายหลายรูปแบบ

ตั้งเเต่ความปั่นป่วนของระบบขนทางรถไฟในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์เมื่อพนักงานผละงานประท้วง ตามมาด้วยการเคลื่อนไหวลักษณะเดียวกันของเจ้าหน้าที่การเเพทย์ นั่นยังไม่รวมถึงการขัดขืนและการประท้วงของภาคมวลชนในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง

สำนักข่าว Associated Press หรือเอพีรายงานว่าเหล่านายพลเมียนมาที่กุมอำนาจอยู่ในเวลานี้กำลังพยายามอย่างหนักในการรักษาภาพลักษณ์ว่าพวกเขาสามารถคุมสถานการณ์ได้

เอพีรายงานว่า “ภาพลวงตา” ที่ว่านี้เกิดขึ้นจากการปิดกั้นสื่ออิสระ และการปราบปรามประชาชนด้วยอาวุธจนถึงเเก่ชีวิต

สื่อ The Economist ของอังกฤษ ขึ้นปกนิตยสารเมื่อเดือนเมษายน กับการพาดหัวว่า เมียนมา “คือรัฐที่ล่มสลายรายต่อไปของเอเชีย”

เมื่อเดือนที่แล้วข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มิเชล บาชาเลต กล่าวว่าสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ระบบการศึกษาและสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านสาธารณสุขของเมียนมาเข้าใกล้จุดล่มสลาย และนั่นหมายความว่าประชากรนับล้านๆคนของเมียนมาจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก

Demonstrators, some holding placards, sit on railway tracks in an attempt to disrupt train service, during a protest against the military coup, in Mandalay, Myanmar, Feb. 17, 2021.

ในช่วง 100 วันที่ผ่านมามีผู้ประท้วงเเละผู้ถูกลูกหลงโดนสังหารโดยเจ้าหน้าที่รักษาความสงบของเมียนมาไปเเล้วกว่า 750 คน

นักข่าวเมียนมา ติน เล วินที่อยู่ที่กรุงโรมประเทศอิตาลี กล่าวว่าผู้นำกองทัพอาจต้องการให้คนทั่วไปคิดว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นปกติเเล้ว จากการที่ไม่มีการฆ่าประชาชนจำนวนมากหากเทียบกับก่อนหน้านี้ และดูเหมือนว่าผู้ประท้วงจะดูบางตากว่าเเต่ก่อน

ติน เล วิน ผู้ร่วมก่อตั้งสื่อ Myanmar Now กล่าวว่าหากได้เก็บข้อมูลจากคนในพื้นที่ประเทศเมียนมาจะพบว่าเเรงต้านอำนาจรัฐภายใต้การปกครองของทหารยังมีอยู่มาก

และนักวิเคราะห์อิสระ เดวิด เเมทธีสัน ที่ศึกษาการเมืองเมียนมากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ระบุว่า มีคนกลุ่นหนึ่งในประเทศที่ต้องการตอบโต้ความรุนเเรงของฝ่ายความมั่นคงด้วยความรุนเเรงเช่นกัน

เขากล่าวว่าถ้าคนเหล่านี้ได้รับความช่วยเหลือด้านทรัพยากรและมีผู้นำที่พร้อมจะใช้ยุทธวิธีรุนเเรง อาจเกิดการปะทะด้วยอาวุธในหลายเขตเมืองภายในประเทศ

ทั้งนี้กลุ่มชนกลุ่มน้อยติดอาวุธเช่นคะฉินที่เหนือและกะเหรี่ยงทางตะวันออก ได้เคยประกาศให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประท้วงร่วมต่อต้านทหารของรัฐบาลเมียนมา หรือทัตมาดอว์

ในทางทฤษฎี อาจเกิดยุทธศาสตร์ประสานแรงระหว่างผู้ประท้วงและกองทัพชนกลุ่มน้อยเพื่อต้านอำนาจทัตมาดอว์ และอาจนำมาซึ่งเกมรุกที่ใช้อาวุธต่อสู้โดยกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยมากขึ้น

แต่ในทางปฏิบัติศักยภาพและยุทธวิธีรบของชนกลุ่มน้อยยังคงอยู่ในพื้นที่ของพวกตน นอกจากนี้เเสงยานุภาพทางทหารของกองทัพรัฐบาลกลางก็ยังมีมากกว่า

Anti-coup protesters take cover at a barricade as they clash with security forces on Bayint Naung Bridge in Mayangone, Yangon, Myanmar March 16, 2021. REUTERS/Stringer

เเละเมื่อพิจารณาว่า พลเอก มิน อ่อง หล่าย ผู้คุมอำนาจการปกครองประเทศ ณ ขณะนี้ไม่สนใจคำเเนะนำให้เกิดการเจรจาเพื่อยุติความขัดเเย้งที่สหประชาชาติเเละสมาคมอาเซียนเสนอมา เดวิด เเมทธีสัน กล่าวว่าการต่อสู้ในหลายรูปแบบน่าจะคงดำเนินต่อไป

เขากล่าวว่า ประชาชนอาจมองถึงความพยายามที่จะดำเนินการหยุดงานประท้วง ขับเคลื่อนการเรียกร้องอย่างสันติและหยิบอาวุธขึ้นสู้ตามเขตเมืองเเละเขตชนบท ไปพร้อมๆ กับ ด้วยจุดหมายร่วมที่จะเอาชนะกองทัพทัตมาดอว์อันเเข็งเเกร่ง