ความสำเร็จของภาพยนตร์ราชาเสือดำ “Black Panther” นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ยืนยันจากการวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแองเจลิส หรือ UCLA ที่พบว่า ผู้คนจากเชื้อชาติอื่นๆที่ไม่ใช่คนผิวขาวที่อาศัยในสหรัฐอเมริกา คือ ผู้ที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิงในวงการฮอลลีวู้ดที่แท้จริง
ศูนย์แอฟริกันอเมริกันศึกษา Ralph J. Bunche แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแองเจลิส หรือ UCLA เปิดเผยผลการวิจัย ว่าด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมต่ออุตสาหกรรมบันเทิง
ทีมวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลของสื่อบันเทิงที่ออกอากาศ ในช่วงปี 2558-2559 ทั้งภาพยนตร์ยอดนิยม 200 อันดับแรก รายการทีวี ซีรีส์ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่องเคเบิ้ล และผ่านช่องทางดิจิทัลทั้งหมด
จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ไม่ใช่คนผิวขาว ที่ถูกจัดให้เป็น minority ในสหรัฐฯ คือ กำลังซื้อที่สำคัญ เพราะพวกเขาได้จ่ายเงินซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ 5 เรื่องจาก 10 เรื่องที่กลายเป็นหนังทำเงิน Box Office 10 อันดับแรกของโลก
Darnell Hunt ผู้อำนวยการศูนย์แอฟริกันอเมริกันศึกษา ของ UCLA บอกว่า เราได้เห็นพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงตลอด 5 ปีที่ศึกษาเรื่องนี้มา และการพูดถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ณ วันนี้ ไม่ใช่แค่ความเท่าเทียม แต่ยังรวมถึงพลังของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมได้ด้วย
ปัจจุบัน มีเหล่า minority อยู่ราวร้อยละ 40 ของประชากรในสหรัฐฯ โดยกลุ่มคนที่ชมภาพยนตร์ชาวฮิสแปนิกและแอฟริกันอเมริกันเป็นกำลังซื้อ 2 อันดับต้นๆ ยืนยันจากข้อมูลของสมาคมภาพยนตร์อเมริกา ที่ระบุว่า จากจำนวนผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เป็นประจำ 100 คน จะมีชาวละตินโน 23 คน และชาวแอฟริกันอเมริกัน 15 คน ทั้งที่ทั่วอเมริกา มีชาวละตินโนเพียงร้อยละ 18 และชาวแอฟริกันอเมริกันร้อละ 12 เท่านั้น
การศึกษาของ UCLA ยังลงลึกไปอีกว่า ภาพยนตร์มีนักแสดงที่เป็นคนหลากหลายเชื้อชาติปรากฏในเรื่อง ราวร้อยละ 21-30 จะทำรายได้ดีกว่าใน Box Office เมื่อเทียบกับภาพยนตร์ที่มีนักแสดงเชื้อชาติหรือสีผิวเดียวกันหมด เห็นได้จากความสำเร็จของภาพยนตร์ทำเงินและหนังรางวัลมากมาย ทั้ง Moonlight, Hidden Figures, Fences ในช่วงปี 2558-2559 ที่ทำการศึกษา
แม้ว่าเราจะเห็นความสำเร็จของภาพยนตร์เหล่านี้ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ Darnell Hunt กลับพบว่า ฮอลลีวู้ดยังไม่ต้อนรับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากพอ และยังถูกครอบงำโดยกลุ่มชายผิวขาวอยู่ดี ซึ่งเขาก็หวังว่าผลการศึกษานี้ จะช่วยเปิดทางให้ผู้คนที่ถูกเรียกว่าชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ กระโจนเข้าสู่วงการฮอลลีวู้ดในทุกภาคส่วนได้ไม่มากก็น้อย