รัฐมอนแทนากลายมาเป็นรัฐแรกของสหรัฐฯ ที่ประกาศสั่งห้ามการใช้งานแอปพลิเคชั่น ‘ติ๊กตอก’ (TikTok) อย่างเป็นทางการ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
เกรก จิอานฟอร์เต ผู้ว่าการรัฐมอนแทนา ลงนามในกฎหมายของรัฐที่มีผลสั่งห้ามการใช้แอปสัญชาติจีนนี้ภายในพื้นที่รัฐเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลว่า เพื่อป้องกันประชาชนจากประเด็นที่จีนถูกกล่าวหาว่า พยายามเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวกรองผ่านแอปดังกล่าว
ภายใต้กฎหมายใหม่ที่จะมีผลตั้งแต่ 1 มกราคม ปี ค.ศ. 2024 หากกูเกิลและแอปสโตร์ของแอปเปิล (Apple) เสนอแอปติ๊กตอกให้ผู้ใช้อุปกรณ์ของตนภายในพื้นที่รัฐ บริษัททั้งสองจะมีความผิดทันที ขณะที่ ผู้ใช้งานจะไม่มีความผิดใด ๆ
อย่างไรก็ดี รอยเตอร์ระบุว่า น่าจะมีผู้นำเรื่องนี้เข้าสู่ชั้นศาลเพื่อต่อสู้โต้แย้งต่อไป
รอยเตอร์ติดต่อไปยังบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นเจ้าของแอปดังกล่าวเพื่อสอบถามว่า มีแผนจะดำเนินการทางกฎหมายโต้กลับหรือไม่อย่างไร แต่ไม่ได้รับการตอบกลับขณะจัดทำรายงานข่าวนี้
ก่อนหน้านี้ ติ๊กตอก ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า กฎหมายใหม่ของรัฐมอนแทนา “ริดรอนสิทธิ์ตามบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ข้อที่ 1 สำหรับประชาชนในมอนแทนา ด้วยการสั่งห้ามใช้งานติ๊กตอกโดยผิดกฎหมาย” และว่า บริษัทจะ “เดินหน้าทำการปกป้องสิทธิ์ของผู้ใช้งานของเราทั้งภายในและภายนอกมอนแทนา” ด้วย
รายงานข่าวระบุว่า ติ๊กตอก ซึ่งมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กว่า 150 ล้านคน เผชิญเสียงเรียกร้องจากสมาชิกสภาสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ของรัฐต่าง ๆ ที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องให้มีการสั่งห้ามใช้งานแอปนี้ทั่วประเทศ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจีนอาจแผ่ขยายอิทธิพลของตนผ่านแพลตฟอร์มนี้
ข้อมูลจาก Pew Research Center ระบุว่า วัยรุ่นอเมริกันที่มีอายุระหว่าง 13-17 ปีราว 67% ใช้งานติ๊กตอกในเวลานี้ และ 16% ของวัยรุ่นที่เข้าร่วมการสำรวจบอกว่า ใช้แอปนี้เกือบตลอดเวลา ขณะที่ ติ๊กตอก กล่าวว่า ผู้ใช้งาน “ส่วนใหญ่” นั้นมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ผู้ว่าการฯ จิอานฟอร์เต ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า กฎหมายใหม่ของรัฐนี้จะผลักดัน “[ภาระที่มี]ความสำคัญในลำดับต้น ๆ ซึ่งเรามีร่วมกันในการปกป้องชาวมอนแทนาจากการสอดส่องของพรรคคอมมิวนิสต์จีน”
ทั้งนี้ ติ๊กตอก กล่าวย้ำมาเสมอว่า บริษัทไม่เคยเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานของตนให้กับรัฐบาลจีนรับรู้ และว่า บริษัทจะไม่ยอมทำเช่นนั้นเป็นอันขาด แม้รัฐบาลจีนร้องขอมา
- ที่มา: รอยเตอร์