สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT ประกาศไม่เก็บค่าเล่าเรียนใด ๆ กับนักศึกษาหลักสูตรปริญญาตรีที่ครอบครัวมีรายได้ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อปี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2025-2026 เป็นต้นไป
MIT ระบุว่าผู้ได้รับทุนการศึกษา จะยังต้องจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ตกเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 5,400 ดอลลาร์ (ราว 187,000 บาท) ซึ่งนักศึกษาสามารถหามาใช้ได้ผ่านการทำงานหรือกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา
ในปีการศึกษาเดียวกัน ครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 200,000 ดอลลาร์ จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเล่าเรียน (tuition fee) ด้วย ตามการประกาศในเว็บไซต์สถานศึกษา
ต้นทุนค่าเล่าเรียนใน MIT ประจำปีการศึกษา 2024-2025 รวมแล้วอยู่ที่ 85,960 ดอลลาร์ หรือเกือบ 3 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นค่าธรรมเนียมการศึกษา ถึง 72% ตามมาด้วยค่าที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งอาจสูงได้ถึง 24,000 ดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวล่าสุดถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการสนับสนุนนักศึกษาภายใต้หลักการไม่นำเรื่องเงินมาเป็นปัจจัยคำนึงการรับเข้าเรียน และพร้อมช่วยเหลือผู้เรียนเท่าที่มีความจำเป็น (need blind and full need) ซึ่งมีสถานอุดมศึกษาในสหรัฐฯ เพียงเก้าแห่งที่ยึดหลักการนี้ อ้างอิงตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของ MIT
ที่ผ่านมา สถาบันเทคโนโลยีแห่งนี้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่นักศึกษามาเป็นเวลาหลายสิบปี โดยในปีการศึกษาปัจจุบันได้มอบทุนการศึกษาไปแล้ว 167 ล้านดอลลาร์ เพิ่มจากปีการศึกษาที่แล้วที่จ่ายไปราว 158 ล้านดอลลาร์
MIT News ซึ่งเป็นสื่อในมหาวิทยาลัย ระบุว่าเกณฑ์ทุนการศึกษาใหม่นี้ครอบคลุมคอรบครัวสหรัฐฯ 80% ที่มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า 200,000 ดอลลาร์ และอีก 50% ที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้ MIT ระบุว่า กลุ่มครอบครัวที่เข้าเกณฑ์รายได้นี้ จะต้องมีสินทรัพย์ในระดับที่ปกติด้วย
สำนักข่าว CBS รายงานว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่อยู่ใกล้เคียงก็มีเกณฑ์ช่วยเหลือทางการเงินเช่นกัน โดยให้ครอบครัวที่มีรายได้ระหว่าง 85,000-150,000 ดอลลาร์ จ่ายค่าเล่าเรียนในสัดส่วน 0-10% ของรายได้ และมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่างกันไปสำหรับผู้มีรายได้มากกว่านั้น
เมื่อเดือนที่แล้ว มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ บอสตัน (UMass Boston) ก็ประกาศไม่เก็บค่าเทอมกับครอบครัวผู้อาศัยในรัฐแมสซาชูเซตส์ที่มีรายได้ต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์ต่อปี และมอบทุนการศึกษาครึ่งหนึ่งของค่าเทอมให้กับครอบครัวที่รายได้ไม่เกินปีละ 200,000 ดอลลาร์