รัฐใช้กำลังเสริม-ประกาศเคอร์ฟิว! หลังประท้วงลุกลาม เหตุชายผิวสีตายระหว่างถูกจับกุม

Demonstrators burn garbage in Oakland, Calif., on May 29, 2020, protesting George Floyd's death.

ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เรียกใช้กองกำลังพลสำรอง (National Guard) ทั้งหมดที่มีของรัฐเพื่อรับมือการประท้วงการเสียชีวิตเมื่อต้นสัปดาห์ของ นายจอร์จ ฟลอยด์ ชายแอฟริกันอเมริกัน ขณะที่เขาถูกจับกุมตัวโดยตำรวจผิวขาวในเมืองมินนิอาโปลิส

นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐมินนิโซตาเรียกใช้กำลังพลสำรอง ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ในขณะที่การประท้วงเข้าสู่คืนที่ห้า ตั้งแต่นายฟลอยด์เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม

ทิม วอล์ทซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตากล่าวว่า “เรากำลังถูกโจมตี” และประกาศว่าจะทำอย่าง “เต็มที่” เพื่อจะนำความสงบเรียบร้อยกลับมาเหมือนเดิม

การชุมนุมประท้วงในสี่คืนที่ผ่าน ยังทำให้เกิดการปล้น การวางเพลิง การใช้ความรุนแรง และการจลาจล ในเมืองมินนิอาโปลิส จุดเกิดเหตุ อีกทั้งยังลุกลามไปยังเมืองอื่น ๆ อีกกว่า 30 จุดทั่วสหรัฐฯ ทั้งฝั่งตะวันตก ตะวันออก และตอนกลางของประเทศ

Protesters and National Guardsmen face off on East Lake Street, Friday, May 29, 2020, in St. Paul, Minn. Protests continued following the death of George Floyd, who died after being restrained by Minneapolis police officers on Memorial Day. (AP Photo/John

ผู้ชุมนุมแสดงความโกรธแค้น ที่ในระหว่างการจับกุม นายจอร์จ ฟลอยด์ (George Floyd) ชายผิวสีวัย 46 ปี ด้วยข้อหาใช้ธนบัตรปลอม นายเดเรค ชอวิน (Derek Chauvin) อดีตตำรวจผิวขาวในเมืองมินนีอาโพลิส ได้ใช้เข่ากดทับที่คอนายฟลอยด์เป็นเวลาหลายนาที ทั้งที่นายฟลอยด์ถูกล็อคมือไขว้หลังไว้ด้วยกุญแจมือ และร้องบอกตำรวจว่า "หายใจไม่ออก" ก็ตาม

กรุงวอชิงตัน และรัฐอื่น ๆ อีกอย่างน้อย 8 รัฐ ได้แก่ จอร์เจีย เคนตักกี โอไฮโอ วิสคอนซิน โคโรลาโด ยูทาห์​ วอชิงตัน และเท็กซัส ได้ระดมกำลังพลสำรองเพื่อใช้ในการช่วยปราบปราบการประท้วง ที่ได้ทวีความรุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่ ในขณะที่เมืองใหญ่บางเมือง เช่น พอร์ทแลนด์​ รัฐโอเรกอน และลอส แอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ประกาศใช้เคอร์ฟิวช่วงเวลาตอนกลางคืนถึงรุ่งเช้า หลังจากที่การชุมนุมลุกลามบานปลายในหลายพื้นที่

ที่กรุงวอชิงตัน ผู้ชุมนุมประท้วงบางส่วนมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในตอนบ่ายของวันเสาร์ ซึ่งเป็นการชุมนุมและปะทะกันเป็นวันที่สองในนครหลวงของสหรัฐฯ ต่อมาในเวลาหัวค่ำ ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งยังได้เคลื่อนไปล้อมรอบพื้นที่บริเวณทำเนียบขาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำเอารถยนต์ รั้วกัน และกองกำลังมากั้นแนวเอาไว้

APTOPIX Minneapolis Police Death Oakland Protest

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตในวันเสาร์ โดยอ้างว่าผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ผู้ชุมนุมประท้วง" ที่ทำเนียบขาวนั้น ถูกบริหารจัดการโดยมืออาชีพ และมาชุมนุมเพื่อสร้างปัญหา โดยไม่ได้มีส่วนกับผู้คนที่แสดงความรำลึกถึงนายฟลอยด์

ก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ ทรัมป์ เติมเชื้อไฟในเหตุตึงเครียดนี้ด้วยทวีตที่เรียกผู้ประท้วงในมินนีโซตาว่า “พวกโจร” และว่าที่ใดมีการปล้น ที่นั่นต้องมีการลั่นไก ปรากฏว่าทางทวิตเตอร์สั่งแจ้งเตือนทวีตดังกล่าวว่าเข้าข่ายสนับสนุนการใช้ความรุนแรง และเป็นครั้งแรกที่ทวิตเตอร์บังคับใช้มาตรการเข้มงวดกับบัญชีทวิตเตอร์ของผู้นำสหรัฐฯ

ด้านอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ความตายของนายจอร์จ ฟลอยด์ ระหว่างถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่อาจเป็น “เรื่องปกติ” ในสังคมอเมริกันปัจจุบันได้อีกต่อไป และว่าเป็นหน้าที่ของทางการมินนิโซตาในการเปิดการสอบสวนเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด เพื่อสร้างความปกติใหม่ ในการปฏิบัติกับทุกคนทุกเชื้อชาติอย่างเท่าเทียม

ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางการรัฐมินนิโซตาได้ควบคุมตัวเดเรค ชอวิน และตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน และจะเดินหน้าสอบสวนตำรวจอีก 3 นายในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

Your browser doesn’t support HTML5

ประท้วงบานปลายทั่วสหรัฐฯ​ เหตุตำรวจผิวขาวสังหารชายผิวสีใน 'มินนีแอโปลิส'

ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม มีการนำคลิปวิดีโอเหตุยิงสังหารชายผิวสีวัย 25 ปี อามาด อาร์เบอรี (Ahmaud Arbery) ระหว่างที่เขาวิ่งออกกำลังกายในรัฐจอร์เจีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายอาร์เบอรีถูกจับแล้วอย่างน้อย 3 คน และกลายเป็นประเด็นร้อนถึงการปฏิบัติกับคนผิวสีในอเมริกาอีกครั้ง

และในวันจันทร์ที่นิวยอร์ก มีคลิปของเอมี คูเปอร์ หญิงผิวขาวที่พยายามโทรแจ้งตำรวจโดยระบุว่าถูกชายผิวสีข่มขู่ ก่อนที่เรื่องราวที่แท้จริงปรากฏว่าหญิงรายนี้ถูกชายผิวสีที่เดินดูนกอยู่ในเซนทรัลพาร์ครายนี้ตักเตือนเรื่องการทำผิดกฏในการปล่อยสุนัขเดินในสวนโดยไม่มีสายจูง จึงพยายามโทรแจ้งตำรวจและอ้างว่าตนโดยข่มขู่ เพราะเธอเชื่อว่าหากแจ้งตำรวจว่าคู่กรณีเป็นคนผิวสี ตำรวจจะรีบดำเนินคดีเร็วขึ้น สุดท้ายหญิงรายนี้ถูกไล่ออกจากงานเพราะการกระทำดังกล่าว

SEE ALSO: รวบอดีตตำรวจผิวขาวผู้สังหารชายผิวสีในมินนีอาโพลิส